พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > กลัวตาย ตายแล้วไปไหน จะลำบากมั้ย? ข่าวดี มีทางฟื้นจากความตายได้!!

กลัวตาย ตายแล้วไปไหน จะลำบากมั้ย? ข่าวดี มีทางฟื้นจากความตายได้!!

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

เราคงเคยได้ยินคำถามเกี่ยวกับชีวิตมามากโดยเฉพาะเรื่องของ “ความตาย” หลายคนสงสัยว่า ทำไมเกิดมาแล้วต้องตาย? หลาย ๆ คนกลัวตายเพราะไม่รู้ว่าเมื่อจากโลกนี้แล้วชีวิตจะเป็นอย่างไร? จะลำบากไหม? หรือว่าจะสบายเหมือนได้ขึ้นสวรรค์? ไม่มีใครบอกเราได้นอกจากจะมีคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาบอกเรานั่นเอง

ในกิจการ 2:22 – 32 เป็นเรื่องราวของเปโตรที่เทศนาในวันเพ็นเทคอสต์ ซึ่งหัวข้อหลัก ๆ ในการพูดของเปโตรก็คือ “การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์” เปโตรกำลังจะบอกเราทุกคนว่ามีคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาจริง ๆ สิ่งที่เปโตรยืนยันนั้นเป็นคำพูดที่เปี่ยมด้วยความหวัง คือ พระเยซูคริสต์ทรงชนะความตาย และผลจากการเทศนาของเปโตรในวันนั้นก็คือ มีคนกลับใจใหม่ หันหลังให้กับความบาป และติดตามพระเยซูคริสต์ถึง 3,000 คน

กลัวตาย ตายแล้วไปไหน จะลำบากมั้ย? ข่าวดี มีทางฟื้นจากความตายได้!!

พระเยซู ชายที่ไม่ธรรมดา

คำเทศนาของเปโตรในวันเพ็นเทคอสต์นั้น หัวข้อหลักในการพูดก็คือ ชีวิตที่ไม่ธรรมดาของพระเยซู ซึ่งเป็นชีวิตที่นำความหวังมาสู่เราทั้งหลาย ดังนี้

1. พระเยซูทรงดำเนินชีวิตที่ไม่ธรรมดา

หากเราดูชีวิตของพระเยซู พระองค์ไม่ใช่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งหรือเป็นอาจารย์ที่มีความรู้เฉลียวฉลาดเท่านั้น แต่พระองค์ทรงประกอบด้วยฤทธิ์อำนาจที่มาจากพระเจ้าด้วย พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ท่ามกลางคนอิสราเอลเป็นอันมาก คนนับร้อยนับพันได้เห็นหมายสำคัญต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงทำ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น คนป่วยหายโรค คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนใบ้พูดได้ คนหูหนวกได้ยิน การเลี้ยงคนมากกว่า 5,000 คน ด้วยขนมปัง 5 ก้อน กับ ปลา 2 ตัว หรือแม้กระทั่งการทำให้คนที่ตายไปแล้วกลับฟื้นมามีชีวิตอีก พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์มากมายหลายอย่างเพื่อจะยืนยันว่าพระองค์เป็นใคร เพื่อให้คนทั้งหลายมั่นใจว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์

“จงเชื่อเราว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา หรือมิฉะนั้นก็จงเชื่อเพราะกิจการเหล่านั้น” ยอห์น 14:11

“พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกพวกท่านแล้วแต่ท่านไม่เชื่อ สิ่งที่เราทำในพระนามพระบิดาของเราก็เป็นพยานให้กับเรา” ยอห์น 10:25

ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำการอัศจรรย์แบบที่พระเยซูทรงกระทำได้ นอกจากว่าพระเจ้าจะทรงอยู่ด้วยเท่านั้น นิโคเดมัสที่เป็นฟาริสีผู้ที่รู้บทบัญญัติของพระเจ้าเป็นอย่างดีก็ได้ยืนยันว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพระเยซู

“มีชายคนหนึ่งในพวกฟาริสีชื่อนิโคเดมัส เป็นขุนนางของพวกยิว คนนี้มาหาพระเยซูตอนกลางคืนทูลพระองค์ว่า ท่านอาจารย์ เราทราบว่าท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีใครทำหมายสำคัญที่ท่านทำนั้นได้ นอกจากพระเจ้าสถิตกับเขา ยอห์น 3:1 – 2

การอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงทำนั้นเป็นเรื่องเปิดเผย ไม่ใช่เฉพาะคนที่เชื่อและศรัทธาในพระองค์เท่านั้นที่เห็น แต่ศัตรูของพระองค์ก็ได้เห็นด้วย และนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พวกผู้นำศาสนาต้องการฆ่าพระเยซู เนื่องจากหมายสำคัญที่พระองค์ทรงกระทำ ทำให้ประชาชนหันไปติดตามพระเยซูมากขึ้น โดยเฉพาะการทำให้ลาซารัสฟื้นจากตาย เพราะเป็นการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่และพระเจ้าต้องสถิตอยู่ด้วยเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้

ดังนั้นเมื่อพวกยิวหลายคนที่มาหามารีย์เห็นการกระทำของพระเยซูก็วางใจในพระองค์ แต่บางคนไปหาพวกฟาริสีเล่าเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงทำให้เขาฟัง ฉะนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกฟาริสีก็เรียกประชุมสมาชิกสภาแล้วพูดกันว่า “เราจะทำอย่างไรกันดี เพราะว่าชายคนนี้ทำหมายสำคัญมากมาย? ถ้าเราปล่อยให้เขาทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนก็จะเชื่อถือเขา แล้วพวกโรมันก็จะมาทำลายทั้งพระวิหารและชาติของเรา” ยอห์น 11:45 - 48

แม้ว่าพระเยซูจะทรงทำการอัศจรรย์มากมายหลายอย่าง กระทั่งเรียกคนที่ตายแล้วให้กลับเป็นขึ้นอีก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระองค์ทรงทำ การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเยซูทรงทำนั้นก็คือ การนำคนจากโลกนี้ขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบน เป็นการอัศจรรย์ทีมีเพียงพระเยซูผู้เดียวเท่านั้นที่ทำได้ พระเยซูเป็นทางเดียวที่จะช่วยคนให้พ้นทุกข์ ช่วยคนให้มีความหวัง พระเยซูใช้การอัศจรรย์เป็นหลักฐานว่าพระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับพระองค์ สิ่งที่พระเยซูพูดนั้นเป็นคำพูดที่พระเจ้าต้องการจะบอกมนุษย์ทุกคน นั่นก็คือ หลังจากที่เราตายไปแล้วจะมีอีกโลกหนึ่งรออยู่ เป็นโลกที่มีมาตรฐานชัดเจน คือ หากทำบาปก็ต้องอยู่ในบึงไฟนรกตลอดกาล แต่หากเชื่อในพระเยซูผู้ทรงรับโทษบาปแทนเรา ก็จะได้ฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้ายและอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าเป็นนิจนิรันดร์

กลัวตาย ตายแล้วไปไหน จะลำบากมั้ย? ข่าวดี มีทางฟื้นจากความตายได้!!

2. การตายของพระเยซูก็ไม่ธรรมดา

ลองคิดดู ถ้ามีคน ๆ หนึ่งที่ได้รักษาคนเป็นอันมากให้หายจากความเจ็บป่วย ได้ทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ มากมาย ทำให้คนตาบอดแต่กำเนิดมองเห็น คนโรคเรื้อนหายสะอาด ขับผีร้ายที่เข้าสิงในคนให้ออกไป ในแต่ละวันมีคนจำนวนมากมารอพบพระเยซูเพื่อให้พระองค์ทรงช่วย จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างพระเยซูจะต้องโทษถึงตาย ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ไม่มีความผิดต้องถูกใส่ร้ายและไม่มีใครกล้าเสนอตัวออกมาช่วยเหลือ จนสุดท้ายพระเยซูต้องถูกตรึงตายบนไม้กางเขน

เปโตรพยายามชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ชีวิตของพระเยซูที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น แต่การตายของพระองค์ก็ไม่ธรรมดาด้วย เพราะการตายของพระองค์ด้านหนึ่งนั้นเป็นการกระทำของมนุษย์ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นแผนการของพระเจ้าที่ได้กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นคำถามที่ตามมาก็คือ แล้วใครควรจะรับผิดชอบต่อการตายของพระเยซูละ?

เป็นทหารโรมันที่จับพระเยซูหรือเปล่า หรือเป็นผู้นำศาสนายิว ยูดาสสาวกที่ทรยศพระเยซู หรือจะเป็นปีลาดที่รู้ทั้งรู้ว่าพระเยซูไม่ผิด แต่ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง หรือจะเป็นคนที่เป็นพยานเท็จใส่ร้ายพระเยซู ฯลฯ คำตอบก็คือ ทุก ๆ คนที่กล่าวมาต้องรับผิดชอบต่อการตายของพระเยซู แต่ไม่ใช่แค่นั้น ยังรวมถึงเราทุกคนด้วย เพราะพระเยซูทรงตายเพื่อไถ่บาปของเราทุกคน แต่ยังมีอีก นั่นก็คือ พระเจ้าที่ได้ทรงวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า เพราะความรักที่มีต่อมนุษย์และไม่อยากให้ใครต้องพินาศเลย

ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปเรื่องการตายของพระเยซูว่าเป็นการตายที่ไม่ธรรมดา เพราะ “เป็นกลยุทธ์” เป็นแผนการที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ตั้งแต่แรกสร้างโลกเพื่อจะช่วยคนทุกคนให้ไม่ต้องพินาศจากบึงไฟนรก นอกจากนี้การตายของพระเยซูยัง “เป็นความสมัครใจ” พระเยซูทรงเลือกเดินทางนี้เอง เหมือนกับที่พระเยซูเคยบอกเอาไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี และยอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อแกะนั้น (ยอห์น 10: 14 – 15) ไม่มีใครสามารถเอาชีวิตพระองค์ไปได้ และพระองค์มีอำนาจที่จะเอากลับคืนมาด้วย (ยอห์น 10: 18) การตายของพระเยซูยัง “เป็นการตายแทนผู้อื่น” พระเยซูไม่เคยทำบาปจึงได้ไม่ตายเพื่อตนเอง แต่ตายเพื่อคนบาปอย่างเราทุกคน (อิสยาห์ 53:6) และการตายของพระเยซู “เป็นสิ่งจำเป็น” การที่จะทำให้มนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้าได้นั้นมีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือมนุษย์ต้องดำเนินชีวิตตามมาตรฐานที่พระเจ้ากำหนด นั่นคือไม่มีบาป แต่โดยกำลังของเราทั้งหลายนั้นไม่สามารถไปถึงมาตรฐานของพระเจ้าได้ พระเยซูจึงจำเป็นต้องมาเพื่อตายแทนเราเพราะความบาปถูกยกได้เพียงทางพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เท่านั้น (โรม 5:8 – 9)

กลัวตาย ตายแล้วไปไหน จะลำบากมั้ย? ข่าวดี มีทางฟื้นจากความตายได้!!

3. การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา

หากเราดูชีวิตของเปโตรก่อนที่จะได้มารู้จักกับพระเยซูนั้น เขาเป็นเพียงชาวประมงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ชีวิตประจำวันของเขาก็คือ ออกไปหาปลา พอรุ่งเช้าก็กลับเข้าฝั่ง ทำความสะอาดอวนและอุปกรณ์ต่าง ๆ เอาปลาไปขาย ชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ วนไปเวียนมาเป็นประจำทุกวัน ไม่มีอะไรใหม่เลย จนเมื่อเขาได้มีโอกาสมารู้จักกับพระเยซู และพระองค์ทรงบอกเขาว่า “จงตามเรามา และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา” มัทธิว 4:19

เมื่อเปโตรได้ติดตามพระเยซู ชีวิตเขามีความหวังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาได้พบพระเมสสิยาห์ หรือ คนที่จะมาปลดปล่อยอิสราเอลให้รอด ตามที่พระคัมภีร์ได้ทำนายไว้ ยิ่งเขาได้เห็นชีวิตของพระเยซู ได้เรียนรู้คำสอนของพระองค์ ได้เห็นการอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงทำ ทำให้เขามีความมั่นใจ ทำให้ความหวังของเขาเต็มล้น

มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากที่พระเยซูทรงเลี้ยงคน 5,000 คน วันรุ่งขึ้นฝูงชนก็ออกตามหาพระเยซู เมื่อพบกับพระเยซูแล้ว พระเยซูได้บอกคนเหล่านั้นว่าที่พวกเขาตามหาพระองค์นั้นเพราะกินขนมปังอิ่มเท่านั้น (ยอห์น 6:26) อย่าหาอาหารที่ทำให้หิวอีก แต่ให้หาอาหารที่จะไม่ทำให้หิวหรือกระหายอีกเลย และพระเยซูทรงเป็นอาหารแห่งชีวิตนั้น (ยอห์น 6:35) พระเยซูบอกว่าพระองค์ทรงเป็นอาหารจากสวรรค์ ทำให้หลายคนเริ่มพูดว่า “คนนี้คือเยซูลูกของโยเซฟไม่ใช่หรือ? พ่อแม่ของเขาเราก็รู้จัก แล้วเดี๋ยวนี้เขาพูดได้อย่างไรว่า ‘เราลงมาจากสวรรค์’?” ยอห์น 6:42 และยิ่งพระเยซูบอกว่า “คนที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราจะมีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย” ยอห์น 6:54 ผลก็คือเริ่มมีสาวกของพระเยซูเลิกติดตามพระองค์ พระเยซูจึงตรัสถามสาวก 12 คนของพระองค์ว่า “พวกท่านก็จะจากเราไปด้วยหรือ?” ยอห์น 6:67 และเปโตรเองที่เป็นคนทูลตอบพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาใครได้? พระองค์ทรงมีถ้อยคำแห่งชีวิตนิรันดร์” ยอห์น 6:68 การที่เปโตรตอบเช่นนี้เพราะเขามั่นใจว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ คือพระผู้ช่วยให้รอดตามที่พระคัมภีร์ได้ทำนายเอาไว้ เปโตรเชื่อเต็ม 100% ว่าพระเยซูคือคนที่จะมาปลดปล่อยอิสราเอลตามพระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้

จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่พระเยซูทรงถูกตรึงและตายบนกางเขนนั้น ความหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่เปโตรเคยมีก็มลายหายไปสิ้น เพราะพระเมสสิยาห์ตายไม่ได้ เพราะพระคัมภีร์พยากรณ์ว่าพระองค์จะมาปกครองอิสราเอล จะมาช่วยพวกเขาให้รอด การสิ้นพระชนม์ของพระองค์แสดงว่าสิ่งที่พระเยซูเคยพูดว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า สิ่งที่พระเยซูเคยทำหมายสำคัญและการอัศจรรรย์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาเพื่อยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหก พระเยซูก็เหมือนอาจารย์คนอื่น ๆ ที่เขาเคยพบเจอ คือสามารถล้มหายตายจากได้

ในวันที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ เหล่าสาวกของพระองค์ก็กระจัดกระจายไป ทุกคนเลิกเชื่อในสิ่งที่พระองค์เคยตรัส เลิกปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์เคยสอน ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่เคยเป็น รวมทั้งเปโตรด้วยที่กลับไปเป็นชาวประมงตามเดิม ช่วงเวลา 3 วันที่พระเยซูทรงอยู่ในอุโมงค์ เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีคริสเตียนเหลืออยู่ในโลกแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างจบสิ้น!!

กลัวตาย ตายแล้วไปไหน จะลำบากมั้ย? ข่าวดี มีทางฟื้นจากความตายได้!!

จนกระทั่งมีเหตุกาณณ์บางอย่างเกิดขึ้น ในเช้ามืดของวันอาทิตย์นั้น เมื่อมารีย์ชาวมักดาลากับผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาที่อุโมงค์ฝังศพของพระเยซู ก็พบว่าก้อนหินที่ปิดปากอุโมงค์ได้กลิ้งออกไป และพระศพของพระเยซูก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่มีทูตสวรรค์ 2 องค์ อยู่ที่อุโมงค์นั้นและบอกว่าพระเยซูไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่ทรงเป็นขึ้นแล้ว (ลูกา 24:1 – 7)

การเป็นคริสเตียนไม่ได้เริ่มที่การอ่านพระคัมภีร์ ไม่ได้เริ่มที่พระธรรมปฐมกาล คริสเตียนไม่ได้เกิดเพราะคำสอนของพระเยซูหรือสิ่งที่พระองค์เคยตรัสเอาไว้ แต่ความเชื่อของคริสเตียนเริ่มต้นที่การฟื้นคืนพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสต์ นี่ไม่ใช่การฟื้นขึ้นจากความตายแบบธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่การฟื้นจากความตายแบบที่พระเยซูทรงเรียกลาซารัสให้ฟื้นจากตาย (ยอห์น 11:43 – 44) ไม่ใช่การฟื้นจากความตายแบบที่อิสยาห์ได้ชุบชีวิตลูกชายของหญิงม่ายชาวศาเรฟัท (1 พงษ์กษัตริย์ 17:21 – 21) เพราะคนเหล่านี้เมื่อฟื้นขึ้นก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ และก็ตายอีกครั้งในที่สุด แต่การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูนั้นไม่ธรรมดา เป็นการพื้นคืนพระชนม์แบบนิรันดร์ หรือไม่มีการตายอีก และส่งอิทธิพลต่อคนจำนวนมากในโลกนี้ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูนั้นทำให้สาวกของพระองค์เริ่มเข้าใจในสิ่งที่พระองค์เคยพูด การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้ทุกคนมั่นใจว่าแท้จริงแล้วพระองค์คือพระเจ้า คือพระเมสสิยาห์ผู้ที่มาตามคำพยากรณ์ และนี่คือพื้นฐานความเชื่อของคริสเตียน คือพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์จริง ๆ และฟื้นจากความตายจริง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามนิยายที่คนแต่งขึ้นว่าแท้จริงแล้วพระเยซูสลบไปเพราะคนเอาน้ำให้พระองค์ดื่มตอนที่อยู่บนกางเขน พระองค์จึงสามารถลุกออกจากอุโมงค์เองได้ และไม่ได้เป็นไปตามนิยายที่บางคนอ้างว่าแท้จริงพระเยซูไม่ได้ถูกตรึงที่กางเขน แต่มีการสลับตัวกัน คนที่ตายบนกางเขนเป็นแค่ตัวตายตัวแทน ไม่ใช่พระเยซู

หลักฐานการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูอยู่ที่การเป็นพยานของคนที่เห็นเหตุการณ์ คำพยานที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือคำพยานของ มัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น เปโตร ยากอบ และเปาโล ซึ่งภายหลังคนเหล่านี้ได้บันทึกลงในหนังสือเป็นพระคัมภีร์ให้เราได้อ่านกัน ลองคิดดูว่ายากอบน้องชายแท้ ๆ ของพระเยซูเชื่อและยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า คนในครอบครัวเดียวกัน คนที่เห็นพระเยซูมาตั้งแต่เกิด เห็นการกระทำทุกอย่างที่คนอื่นไม่เคยเห็น แต่ได้ยอมรับว่าพระองค์ไม่เคยทำบาป ยอมรับว่าพระเยซูเกิดโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ฟื้นขึ้นจากตาย คำพยานจากคนใกล้ชิดแบบนี้ย่อมมีน้ำหนักเป็นอย่างมาก ยังไม่รวมสาวกคนอื่น ๆ ที่ยอมตายเพราะความเชื่อที่ว่าพระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตาย ไม่มีใครยอมตายเพราะเรื่องโกหกแบบนี้อย่างแน่นอน

การฟื้นขึ้นจากความตายของพระเยซูเกี่ยวข้องกับเรายังไง

อย่างที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นว่าไม่มีใครสามารถบอกเราได้ว่าหลังจากตายไปแล้วเราจะเจออะไรอีกบ้าง ชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร นอกจากคนที่ตายแล้วฟื้นมาบอกชีวิตหลังความตายให้เราฟัง และพระเยซูเป็นเพียงผู้เดียวที่เป็นขึ้นจากความตายและยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ พระเยซูบอกว่าหลังจากที่เราจากโลกนี้ไปแล้วจะมีการพิพากษา การตายในโลกนี้เป็นการตายครั้งที่ 1 เมื่อวันพิพากษามาถึง จะมีการเป็นขึ้นมาจากความตาย (1 โครินธ์ 15:51 – 52) คนที่ทำบาป คนที่มีชีวิตไม่ถึงมาตรฐานที่พระเจ้ากำหนด จะต้องถูกลงโทษคือไปอยู่ในบึงไฟนรกเป็นนิจนิรันดร์ นี่คือการตายครั้งที่ 2 คือการมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานตลอดไปเป็นนิจ

สำหรับคนที่มีชีวิตเป็นไปตามมาตรฐานที่พระเจ้ากำหนด ก็จะได้อยู่ในบ้านของพระเจ้าหรือสวรรค์นั่นเอง ได้อยู่ร่วมกับพระองค์ตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์ แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีมนุษย์สักคนที่เป็นคนดี ทุกคนทำบาปและไปไม่ถึงมาตรฐานที่พระเจ้ากำหนด นี่คือสาเหตุที่พระเยซูต้องมาบนโลกนี้และยอมตายเพื่อรับโทษบาปแทนเรา หากเราเชื่อและวางใจในพระเยซู บาปที่เราทำ พระเยซูก็จะรับผิดชอบชดใช้แทนเรา นี่คือข่าวดี นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อมนุษย์ทุกคนที่พระองค์ทรงสร้างและทรงรัก หน้าที่ของเราคือตัดสินใจว่าจะยอมรับของขวัญชิ้นนี้จากพระองค์หรือไม่ ดังนั้นความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่ความน่ากลัวของความตายก็คือ เรามั่นใจแค่ไหนว่าหลังจากที่เราจากโลกนี้ไปแล้ว เราจะได้อยู่ที่ไหนเป็นนิจนิรันดร์ สวรรค์ หรือ นรก เราสามารถเลือกที่อยู่เองได้!!

“ตามที่มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวเป็นพอ เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนจำนวนมากไว้ แล้วพระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อนำความรอดมาให้บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อ” ฮิบรู 9:27 - 28


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถอีเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com