พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

> บทความคริสเตียน > บทความเกี่ยวกับชีวิตคริสเตียน > การทรงนำแบบวันต่อวัน

การทรงนำแบบวันต่อวัน

เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

ในสดุดี 23:1 – 2 บอกเราว่า “พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ”

พระเจ้าทรงมีแผนการที่จะนำเราไปในทางที่ดี ไปในทางที่อุดมสมบูรณ์ เหมือนผู้เลี้ยงแกะที่ต้องการพาแกะไปในที่ที่ดีที่สุด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แม้ว่าพระเจ้ามีพระประสงค์แบบนั้นก็ตาม แต่ลูกแกะทั้งหลายก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เพราะพระเจ้าไม่เคยบังคับใคร ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำได้ก็คือต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงผู้เลี้ยงของเราว่าจะนำเราไปในทางใด เราต้องขอพระเจ้าให้เปิดตาเราให้เห็นว่าทางไหนคือทางที่ถูกต้อง เปิดประตูที่ใช่ และปิดทางที่ผิดลง เพื่อที่เราจะได้ไปถึงริมน้ำแดนสงบนั้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราส่วนใหญ่มักจะเป็นการที่เราวางแผนสิ่งต่าง ๆ ไว้อย่างดี และก็ลงมือทำอย่างเต็มที่ จากนั้นก็อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงอวยพรในสิ่งที่เราทำ และหลายครั้งเราก็มักจะประสบกับปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมา แล้วเราก็ท้อใจ เราก็บ่นว่าพระเจ้าทำไมไม่ตอบคำอธิษฐาน ทำไมถึงทำให้เราจมอยู่กับปัญหาแบบนี้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง

เราควรอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าก่อนว่าควรทำในสิ่งนั้นหรือไม่ ควรเรียนที่ไหน ควรลงทุนอะไร ควรทำงานกับบริษัทไหน ควรจะเลือกใครเป็นคู่ครอง หากเราอธิษฐานแล้วมีสันติสุข ก็เดินหน้าต่อไป แต่ถ้ายังไม่รู้สึกอะไร ก็อาจจะต้องรอก่อน เพราะพระเจ้าทรงรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา

เมื่อสาวกของพระเยซูขอให้พระเยซูสอนเขาในเรื่องการอธิษฐาน พระเยซูจึงทรงสอนเขา ในลูกา 11:3 บอกว่า “ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ทุก ๆ วัน” พระเยซูไม่ได้สอนให้เราขอให้พระเจ้าประทานอาหารประจำอาทิตย์ อาหารประจำเดือนหรือประจำปี แต่เป็นประจำวัน ดังนั้นในทุก ๆ เช้า เราควรเข้าหาพระเจ้าขออาหารประจำวันจากพระองค์ ขอให้พระเจ้าทรงนำเราในวันนี้ เพราะพระองค์ทรงเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็น ดังนั้นถ้าเราใช้เวลากับพระเจ้าทุก ๆ วัน ไม่เพียงแต่ชีวิตเราวันนั้นจะดีเท่านั้น แต่พระเจ้ายังจะปกป้องเราจากความผิดพลาดด้วย

เหมือนกับการที่พระเจ้าทรงให้มานาแก่คนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร (อพยพ 16:14 - 15) พระเจ้าสั่งให้เก็บกินแค่พออิ่มในแต่ละวันเท่านั้น (อพยพ 16:16 - 20) แต่บางคนไม่เชื่อ เก็บไว้จนรุ่งเช้าของอีกวัน ผลก็คือมีหนอนขึ้นและเหม็นบูด ดังนั้นการเชื่อฟังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่เราต้องมีหากเราต้องการให้พระเจ้านำเราในแต่ละวัน

การทรงนำแบบวันต่อวัน - Siam Christian.com

 

คำว่า “มานา” แปลว่า “นี่อะไรหนอ?” นั่นคือสิ่งที่เราควรถามพระเจ้าในแต่ละวันว่าพระองค์ประสงค์จะให้เราทำอะไร อย่าให้เราทำอะไรตามความเคยชิน เพราะในบางครั้งสิ่งที่เราทำแล้วได้ผลเมื่อวานนี้ วันนี้มันอาจจะไม่ได้ผลก็เป็นได้

ใน อพยพ 17:1 - 7 เมื่อคนอิสราเอลออกจากถิ่นทุรกันดารสินมาตั้งค่ายที่เรฟีดิม ที่นั่นไม่มีน้ำให้เขาดื่ม พวกเขาก็บ่นต่อว่าโมเสส โมเสสได้เข้าเฝ้าพระเจ้า ขอการทรงนำจากพระองค์ พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสตีหินที่ภูเขาโฮเรบ แล้วน้ำก็ไหลออกมาให้ประชาชนอิสราเอลดื่ม

ใน กันดารวิถี 20:1 - 8 โมเสสเผชิญกับเหตุการณ์คล้าย ๆ ในอดีต ในถิ่นทุรกันดารเหมือนเดิม ประชาชนขาดน้ำและบ่นต่อว่าโมเสส โมเสสเข้าหาพระเจ้า ทูลถามพระองค์ แต่ครั้งนี้พระเจ้าบอกให้โมเสสพูดกับหินว่าให้น้ำไหลออกมา

เหมือนกับการที่เราไม่สามารถเอามานาของเมื่อวานมาใช้ในวันนี้ได้ฉันใด ในบางครั้งเราก็ไม่สามารถใช้วิธีของอดีตมาแก้ปัญหาในปัจจุบันได้ฉันนั้น พระเจ้าของเรารักที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ เสมอ เป็นการง่ายที่เราจะทำตามอดีต เป็นการง่ายที่เราไม่อยากรับการทรงนำจากพระเจ้าในแต่ละวัน อย่าลืมว่าอะไรที่ทำให้เราประสบความสำเร็จเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อาจจะใช้ไม่ได้ในวันนี้ อะไรที่ทำให้ชีวิตสมรสเราประสบความสำเร็จในอดีต วันนี้อาจจะไม่ได้ผลก็เป็นได้ โลกเปลี่ยนไปทุกวัน บางคนอยากได้งานเรา อยากได้ความฝันเรา ดังนั้นเราไม่สามารถทำตามความเคยชิน ทำตามอดีตได้

พระเจ้าต้องการให้โมเสสทำตามพระองค์ ไม่ใช่ทำตามสูตรสำเร็จ พระเจ้าเปลี่ยนวิธีให้โมเสสพูดแทนการเคาะ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาเป็นแบบอย่างแห่งการขึ้นตรงกับพระเจ้า การพึ่งพาพระองค์ และเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ เราก็จะได้รับชัยชนะ

ใน 2 ซามูเอล 5:17 - 25 หลังจากที่ดาวิดได้รับการเจิมแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ เมื่อพวกฟิลิสเตียรู้ข่าว ก็ยกทัพมาที่หุบเขาเรฟาอิมเพื่อสู้กับดาวิด ดาวิดได้ถามพระเจ้าว่าควรที่จะไปสู้รบหรือไม่ พระเจ้าก็ตรัสให้ดาวิดไป และเขาก็ได้รับชัยชนะ

จริง ๆ แล้วดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร ไม่จำเป็นต้องถามพระเจ้า เพราะศัตรูมาหาเราถึงที่ เราจะทำอะไรได้นอกจากสู้ แต่นี่ไม่ใช่สำหรับดาวิด เพราะดาวิดให้พระเจ้าหมดทั้งใจ ดาวิดรู้ดีว่าพระเจ้าคือธงชัยของเขา แน่นอนที่ว่าเขาจะต้องออกไปสู้ แต่ผลการต่อสู้นั้นเราไม่อาจจะรู้ได้ และนี่คือสาเหตุที่ดาวิดต้องการการทรงนำจากพระเจ้า นี่คือสาเหตุที่เขาต้องพึ่งพาพระเจ้าเป็นประจำทุกวัน

หลังจากนั้นคนฟิลิสเตียก็ยกมาอีก ที่หุบเขาเดิม มาต่อสู้เหมือนเดิม ดาวิดก็ขอการทรงนำจากพระเจ้าว่าควรทำอย่างไร พระเจ้าให้ดาวิดอ้อมไป อย่าเข้าไปตรง ๆ เมื่อดาวิดเชื่อฟังพระเจ้า เขาก็ได้รับชัยชนะอีกเช่นเคย

ถ้าหากเราเป็นดาวิด เราจะทำอย่างไร ศัตรูเดิม หุบเขาเดิม สถานการณ์เหมือนเดิม เราจะทำเหมือนที่เคยทำหรือไม่ เราจะคิดว่าครั้งก่อนก็เคยเจอแบบนี้แล้ว ครั้งนี้ก็ทำเหมือนเดิมก็คงได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องถามหรือขอการทรงนำจากพระเจ้าเลย แต่อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็น พระองค์ทรงรู้ดีกว่าเรา และในบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงเอง เพราะพระเจ้าทรงรบแทนเรา เหมือนกับสงครางของดาวิดในครั้งนี้ที่กองทัพของพระเจ้าทรงนำหน้าดาวิดเพื่อโจมตีคนฟิลิสเตีย (24 - 25)

โยชูวาเป็นอีกคนที่รับใช้พระเจ้าอย่างเข็มแข็ง เขาได้เห็นการอัศจรรย์จากพระเจ้ามากมาย เขาได้เห็นกำแพงเมืองเยรีโคพังลงต่อหน้าต่อตาของเขา (โยชูวา 6:20) หลังจากการเข้ายึดเมืองเยรีโคแล้ว โยชูวายังคงเข้ายึดเมืองอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อชาวกิเบโอนรู้ข่าวในสิ่งที่โยชูวาทำก็กลัว (โยชูวา 9:3 - 15) จึงได้ออกอุบายทำทีว่าเมืองของตนอยู่ไกล ได้เดินทางมาเพื่อขอสันติภาพจากโยชูวา เขาเอากระสอบเก่า ๆ วางบนหลังลา สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ขนมปังก็ขึ้นรา ทำเป็นว่าได้เตรียมทุกอย่างมาแบบสดใหม่ แต่เนื่องจากหนทางไกลทั้งคนและสิ่งของจึงมีสภาพตามที่เห็น คนอิสราเอลรับของ ๆ พวกนั้นมาโดยไม่ได้ปรึกษาพระเจ้า และโยชูวาก็ได้ทำสัญญาสันติภาพกับคนเหล่านั้น (14 - 15) ผลก็คือหลังจากนั้นอีก 3 วัน พวกเขาพบว่าชาวกิเบโอนอยู่ในเมืองใกล้ ๆ ที่จะต้องถูกทำลาย แต่เมื่อได้ทำสัญญาไว้แล้ว โยชูวาจึงห้ามไม่ให้แตะต้องพวกเขา ไม่เช่นนั้นพระพิโรธของพระเจ้าจะตกอยู่บนคนอิสราเอล

ปัญหาคือเขามองที่ผิวเผิน มองแต่สิ่งที่เห็น ไม่ปรึกษาพระเจ้า พระเจ้าเห็นในสิ่งทีเราไม่เห็น ดังนั้นก่อนการจ่ายเงิน ก่อนที่จะเริ่มโครงการใหม่ ๆ ก่อนเซ็นต์สัญญา หรือก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตาม ให้เราปรึกษาพระเจ้าก่อน ให้เราขอการทรงนำจากพระองค์เป็นประจำทุกวัน อย่าทำอะไรตามความเคยชิน อย่าทำอะไรแบบมีสูตรสำเร็จ อย่าทำเหมือนโยชูวา แต่ให้เราเลียนแบบอย่างของดาวิด ให้เราจำไว้ว่ามานาของเมื่อวาน ไม่สามารถใช้กับวันนี้ได้ เราจำเป็นต้องได้รับมานาใหม่ทุกวัน

“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้าและอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” สุภาษิต 3:5-6


ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com