พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   
Email: christiansiam@gmail.com

คำเทศนา - เป็นใหญ่ในทางของพระเจ้า Part 3

คำเทศนาประจำวันที่ 16 มีนาคม 2568

โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ



มาระโก 9:33-37

สรุปคำเทศนา - เป็นใหญ่ในทางของพระเจ้า Part 3

บทนำ: ความหมายของความสำเร็จที่แท้จริง

หลายคนคิดว่าความสำเร็จในชีวิตคือการได้เป็นผู้จัดการ CEO หรือเจ้าของธุรกิจที่ร่ำรวย ซึ่งจะส่งผลให้ครอบครัวมีความสุข ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน และได้รับการยอมรับจากสังคม แต่พระเยซูสอนเราถึงมิติใหม่ของความสำเร็จที่ลึกซึ้งกว่า คือ "การเป็นใหญ่ในทางของพระเจ้า" การประสบความสำเร็จในการเดินกับพระเจ้าจะส่งผลกระทบในทุกด้านของชีวิตมากกว่าความสำเร็จในโลกนี้ เพราะมันเป็นรากฐานที่แท้จริงของชีวิตที่มีความหมาย บทความนี้จะพาคุณไปค้นพบหลักการสำคัญ 3 ด้าน ที่พระเยซูสอนเหล่าสาวกเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่แท้จริงในทางของพระเจ้า


พื้นฐานจากพระคัมภีร์: บทเรียนจากมาระโก 9:33-37

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนมุมมอง เมื่อพระเยซูเสด็จไปยังเมืองคาเปอร์นาอูม พระองค์ทรงสังเกตเห็นว่าสาวกโต้เถียงกันเรื่องใครจะเป็นใหญ่กว่ากัน เมื่อพระองค์ทรงถามถึงเรื่องนี้ สาวกต่างนิ่งอยู่ด้วยความอับอาย พระเยซูจึงประทับนั่งและเรียกสาวกสิบสองคนมาตรัสว่า "ถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นคนต้น ก็ให้เขาเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้คนทั้งปวง" จากนั้นพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆ คนหนึ่งไว้และสอนเกี่ยวกับการรับใช้ด้วยใจถ่อมและรักแท้


หลักการสำคัญที่พระเยซูสอน

จากเหตุการณ์นี้ เราเห็นว่าการเป็นผู้นำในแบบของพระเจ้านั้นแตกต่างจากมาตรฐานโลกอย่างสิ้นเชิง พระเยซูสอนหลักการที่จะทำให้เราเป็นใหญ่ในทางของพระองค์ด้วย 3 องค์ประกอบหลัก:

  • สิ่งที่เชื่อ
  • ท่าทีในใจ
  • การกระทำ

องค์ประกอบที่ 1: สิ่งที่เชื่อ - หลักการ "คนสุดท้ายจะเป็นคนต้น"

ความหมายของ "คนต้น" ในทางของพระเจ้า
คำว่า "คนต้น" ในภาษาอังกฤษคือ "First" ซึ่งหมายถึงคนที่มีอิทธิพลต่อคนอื่น มีเกียรติ และอยู่ในลำดับต้นๆ ของสังคม
หากเราอยากมีเกียรติในทางของพระเจ้า อยากมีอิทธิพลในทางดีต่อผู้อื่น และอยากประสบความสำเร็จในการติดตามพระเจ้า พระเยซูสอนว่าเราต้อง:

  • ยอมเสียสละก่อน
  • ต้องเป็นคนสุดท้ายก่อน
  • ตายต่อตัวเองและเอาพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การเสียสละในชีวิตคริสเตียน

เมื่อเราเลือกเดินกับพระเจ้า เราอาจต้องเผชิญกับการสูญเสีย:

  • เพื่อนบางคนอาจไม่เข้าใจหรือหลีกหนี
  • อาจถูกมองว่าเป็นคนหลงงมงาย
  • รายได้อาจลดลงเนื่องจากการเสียสละเวลาเพื่อรับใช้
  • ปัญหาในชีวิตอาจเพิ่มขึ้นชั่วคราว

แต่พระเยซูสัญญาว่า หากเราอยากเป็นคนต้นในภายหลัง พระเจ้าจะอวยพรให้มีเกียรติและอิทธิพล โดยต้องเริ่มจากการยอมเป็นคนสุดท้ายก่อน


บทเรียนจากเศรษฐีหนุ่ม

ในมาระโก 10:21-22 เราเห็นเศรษฐีหนุ่มที่เคร่งศาสนาและรักษากฎบัญญัติต่างๆ พระเยซูทรงรักเขาและตรัสว่า:
"ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง — ไปขายของทั้งหมดที่มี แจกแก่คนจน แล้วตามเรามา"
ชายผู้นั้นเศร้าใจเพราะมีทรัพย์สมบัติมาก เขาอยากไปสวรรค์แต่ไม่อยากเสียของ


การประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

พระเยซูไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องขายบ้านขายร้านอาหารถวายหมด แต่หมายถึงว่า หากสิ่งใดเป็นอุปสรรคในการเดินกับพระเจ้า ในการอธิษฐาน มาโบสถ์ หรือรับใช้ ให้เราสละสิ่งเหล่านั้นก่อน
การเสียสละนี้ไม่ใช่การสูญเสีย แต่เป็นการลงทุนในสิ่งที่มีค่าเป็นนิรันดร์


องค์ประกอบที่ 2: ท่าทีในใจ - ความถ่อมใจ

ปัญหาของความหยิ่ง

สาวกถกเถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ พระเยซูรู้ว่าสิ่งนี้มาจากความหยิ่ง ความต้องการเกียรติและอำนาจ แต่พระเยซูเตือนว่า ความหยิ่งจะทำให้คุณอยู่อย่างคนต้นได้ไม่นาน


พลังของความถ่อมใจ

ส่วนคนที่ถ่อมใจ แม้จะอยู่ต่ำในตอนแรก แต่จะไม่อยู่ต่ำตลอดไป เมื่อเวลาเหมาะสม พระคุณของพระเจ้าจะเคาะประตูชีวิต และเมื่อเราเปิดใจรับ วันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเราไปตลอดกาล


ลักษณะของความถ่อมใจในคริสเตียน

ความถ่อมใจในแบบคริสเตียนไม่ใช่การดูถูกตัวเองหรือการขาดความมั่นใจ แต่เป็น:

  • การรู้จักตำแหน่งที่แท้จริงของเราต่อพระเจ้า
  • การยอมรับว่าทุกสิ่งที่เรามีมาจากพระเจ้า
  • การเปิดใจเรียนรู้จากผู้อื่น
  • การไม่แข่งขันเพื่อการยกย่องตัวเอง

องค์ประกอบที่ 3: การกระทำ - เป็นผู้รับใช้คนทั้งปวง

ความหมายของการรับใช้

พระเยซูไม่ได้เน้นให้เริ่มจากการ "ลงมือช่วยคนอื่น" เป็นอันดับแรก แต่เน้นว่า ให้ใจของเราเป็นผู้รับใช้คนทั้งปวงก่อน
การรับใช้ที่แท้จริงมาจากใจที่อยากให้ผู้อื่นได้รับสิ่งดีๆ ไม่ใช่เพื่อให้ตัวเองดูดี


รูปแบบการรับใช้ในปัจจุบัน

การรับใช้ในยุคปัจจุบันมีหลายรูปแบบ:

  • ในครอบครัว: การดูแลพ่อแม่ สามีภรรยา ลูกๆ ด้วยความรัก
  • ในโบสถ์: การมาช่วยงานต่างๆ ทำอาหาร ดูแลสถานที่ แม้ไม่ใช่หน้าที่
  • ในสังคม: การช่วยเหลือผู้อื่นตามโอกาสที่มี
  • ในงาน: การทำงานด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบ

การรับใช้ที่ไม่มีใครเห็น

บางครั้งการรับใช้ที่มีค่าที่สุดคือสิ่งที่ไม่มีใครเห็น:

  • การอธิษฐานเผื่อผู้อื่น
  • การให้การสนับสนุนทางด้านจิตใจ
  • การทำความดีแบบไม่ประกาศ
  • การให้อภัยแม้จะถูกทำร้าย

ไม่มีใครเห็น แต่พระเจ้าเห็น และพระองค์จะไม่ลืมสิ่งที่เราเสียสละเพื่อผู้อื่น


ผลลัพธ์ของการเป็นใหญ่ในทางพระเจ้า

ในชีวิตส่วนตัว:

  • ความสงบสุขภายใน ที่ไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอก
  • ความมั่นใจที่แท้จริง เพราะรู้ว่าตัวตนของเรามีค่าในสายพระเนตรพระเจ้า
  • ความสุขที่ยั่งยืน จากการรู้ว่าชีวิตมีจุดประสงค์

ในความสัมพันธ์:

  • ครอบครัวที่แข็งแกร่ง เพราะเราเรียนรู้การรักและการให้อภัย
  • มิตรภาพที่ลึกซึ้ง เพราะเราใส่ใจผู้อื่นมากกว่าตัวเอง
  • การเป็นแบบอย่างที่ดี ในสังคมและชุมชน

ในหน้าที่การงาน:

  • ความสำเร็จที่ยั่งยืน เพราะสร้างบนรากฐานของความซื่อสัตย์
  • อิทธิพลในทางบวก ต่อเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา
  • ความเจริญก้าวหน้า ที่มาจากการทำงานด้วยใจรับใช้

ขั้นตอนปฏิบัติเพื่อเป็นใหญ่ในทางพระเจ้า

ขั้นตอนที่ 1: ปรับความเชื่อ

  • ศึกษาพระคำ อย่างสม่ำเสมอเพื่อเข้าใจหลักการของพระเจ้า
  • อธิษฐาน เพื่อขอให้พระเจ้าเปลี่ยนใจเรา
  • ปรับมุมมอง จากการแข่งขันเป็นการรับใช้

ขั้นตอนที่ 2: พัฒนาท่าทีในใจ

  • ฝึกความถ่อมใจ โดยการยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง
  • เรียนรู้การให้อภัย แก่ผู้ที่ทำร้ายเรา
  • พัฒนาความกตัญญู ต่อสิ่งที่พระเจ้าประทานให้

ขั้นตอนที่ 3: ลงมือรับใช้

  • เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ในครอบครัวและโบสถ์
  • หาโอกาสช่วยเหลือ ผู้อื่นตามความสามารถ
  • ทำอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้รับการยอมรับ

อุปสรรคและการเอาชนะ

อุปสรรคที่พบบ่อย

  • ความกลัวการสูญเสียสถานะหรือทรัพย์สิน
  • ความคิดว่าจะถูกเอาเปรียบหากใจดีเกินไป
  • การเปรียบเทียบกับผู้อื่นที่ดูเหมือนประสบความสำเร็จมากกว่า
  • ความท้อใจเมื่อไม่เห็นผลลัพธ์ทันที

วิธีการเอาชนะ

  • จำไว้ว่าพระเจ้าเห็นทุกสิ่งที่เราทำ
  • มุ่งเน้นกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์
  • หาเพื่อนร่วมทางที่มีเป้าหมายเดียวกัน
  • เฉลิมฉลองชัยชนะเล็กๆตามทาง

บทสรุป: การเริ่มต้นใหม่วันนี้

การเป็นใหญ่ในทางของพระเจ้าไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องรอให้ถึงในอนาคต แต่เป็นการใช้ชีวิตที่เราสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใด ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงาน เจ้าของธุรกิจ หรือแม่บ้าน คุณสามารถเริ่มใช้หลักการทั้ง 3 ด้านนี้ในชีวิตประจำวัน:

  • เปลี่ยนสิ่งที่เชื่อ - ยอมรับว่าการเสียสละเพื่อพระเจ้าคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
  • พัฒนาท่าทีในใจ - ฝึกความถ่อมใจและความกตัญญู
  • ลงมือรับใช้ - หาโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นตามความสามารถ

จำไว้ว่า พระเจ้าไม่ลืมความรักและการเสียสละของคุณ แม้ว่าในตอนแรกคุณอาจรู้สึกเหมือนเป็นคนสุดท้าย แต่วันหนึ่งเมื่อเวลาเหมาะสม พระเจ้าจะยกคุณขึ้นให้เป็นคนต้นในแบบที่มีความหมายและยั่งยืนกว่าความสำเร็จใดๆ ในโลกนี้


เริ่มต้นวันนี้ด้วยการถามตัวเองว่า: "วันนี้ฉันจะรับใช้ใครได้บ้าง?" คำตอบของคำถามนี้จะเป็นก้าวแรกสู่การเป็นใหญ่ในทางของพระเจ้าอย่างแท้จริง


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. การเป็นใหญ่ในทางพระเจ้าหมายความว่าอย่างไร?
การเป็นใหญ่ในทางพระเจ้าหมายถึงการมีอิทธิพลในทางบวกต่อผู้อื่น มีเกียรติในสายพระเนตรพระเจ้า และประสบความสำเร็จในการติดตามพระองค์ ซึ่งแตกต่างจากความสำเร็จในแบบโลกที่เน้นอำนาจและทรัพย์สิน

2. ทำไมต้องเป็นคนสุดท้ายก่อนถึงจะเป็นคนต้น?
เพราะการเป็นคนสุดท้าย (การเสียสละ) จะสอนให้เราเรียนรู้ความถ่อมใจ ความเข้าใจผู้อื่น และการพึ่งพาพระเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำที่แท้จริงในทางของพระเจ้า

3. การรับใช้คนอื่นจะไม่ทำให้เราถูกเอาเปรียบหรือ?
การรับใช้ที่มาจากหลักการของพระเจ้าไม่ใช่การอ่อนแอหรือโง่เขลา แต่เป็นการใช้ปัญญาและความรักในการช่วยเหลือผู้อื่น พระเจ้าจะปกป้องและอวยพรผู้ที่รับใช้ด้วยใจจริง

4. หากเราไม่มีเงินมาก จะเสียสละอะไรเพื่อพระเจ้าได้?
การเสียสละไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป เราสามารถเสียสละเวลา ความสะดวกสบาย ความบันเทิง หรือแม้แต่ความคิดเห็นส่วนตัว เพื่อทำสิ่งที่พระเจ้าต้องการ

5. จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเป็นใหญ่ในทางพระเจ้า?
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเป็นใหญ่ในทางพระเจ้า ได้แก่ ความสงบสุขภายใน การมีอิทธิพลในทางบวกต่อผู้อื่น ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น และการเห็นผลของการรับใช้ในชีวิตผู้อื่น

6. การเป็นผู้นำในงานกับการเป็นใหญ่ในทางพระเจ้าต่างกันอย่างไร?
การเป็นผู้นำในงานมักเน้นผลสำเร็จ อำนาจ และการควบคุม ส่วนการเป็นใหญ่ในทางพระเจ้าเน้นการรับใช้ ความถ่อมใจ และการสร้างคุณค่าให้ผู้อื่น ทั้งสองสามารถไปด้วยกันได้หากเราประยุกต์หลักการของพระเจ้าในการทำงาน

7. จะเริ่มต้นฝึกความถ่อมใจอย่างไร?
เริ่มจากการยอมรับว่าเรายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ การขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่มี การฟังผู้อื่นอย่างจริงใจ และการไม่เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ใจเราอ่อนนุ่มลงเรื่อยๆ



หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com

 

ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

 



 

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า
รวมคำเทศนา คำหนุนใจ และพระวจนะจากพระเจ้า โดย ดร.จิโรจ บงกชมาศ แห่งคริสตจักร Hope International Church Seattle เพื่อเสริมสร้างความเชื่อคริสเตียน รู้จักพระเยซู และเรียนรู้พระคัมภีร์ ติดต่อ: christiansiam@gmail.com