พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   
Email: christiansiam@gmail.com

คำเทศนา - ความเชื่อและการรอคอย ตอนที่ 5

คำเทศนาประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568

โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ



สดุดี 13:1-6

สรุปคำเทศนา - ความเชื่อและการรอคอย ตอนที่ 5

บทนำ: เมื่อความเงียบกลายเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่

ในชีวิตของทุกคน ย่อมมีช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับ ความเงียบของพระเจ้า - ช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าคำอธิษฐานของเราไม่ได้รับการตอบ และทิศทางของชีวิตดูเหมือนไม่ชัดเจน การรอคอยในช่วงเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นการทดสอบความเชื่อที่แท้จริงของเรา


จากประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ เราเรียนรู้ว่าพระเจ้าเคยเงียบถึง 400 ปี ระหว่างพระธรรมมาลาคีและการมาของพระเยซูคริสต์ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าละทิ้งประชากรของพระองค์ เช่นเดียวกัน ในชีวิตของเรา การรอคอย อาจจะเป็นช่วงเวลาที่พระเจ้ากำลังเตรียมสิ่งที่ดีกว่าให้กับเรา


ความท้าทายในการรอคอย: บทเรียนจากกษัตริย์ดาวิด

การต่อสู้ภายในจิตใจ

กษัตริย์ดาวิดในสดุดีบทที่ 13 ได้แสดงให้เราเห็นถึง การต่อสู้ภายในจิตใจ ที่เกิดขึ้นในช่วงการรอคอย เขาบอกว่า "ข้าพระองค์จะตึกตรองในใจของข้าพระองค์และมีความทุกข์โศกอยู่ในใจตลอดไปนานเท่าใด"


การตึกตรองที่ดาวิดกล่าวถึงไม่ใช่การไตร่ตรองเพื่อหาทางออก แต่เป็นการ คุยกับตัวเองแบบวนลูป ที่ทำให้ความคิดด้านลบเพิ่มมากขึ้น เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก การปรึกษาแต่ตัวเองอาจจะทำให้เราติดอยู่ในวงจรของความคิดที่ไม่ถูกต้อง


สนามรบสองแห่ง

ทุกครั้งที่เราเผชิญปัญหาใหญ่ในชีวิต เราจะพบกับสนามรบ 2 แห่ง:


  • สนามรบในความคิด - การต่อสู้กับความคิดที่ไม่ถูกต้อง
  • สนามรบภายนอก - ปัญหาจริงที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง

หลายครั้ง การชนะในความคิดก่อน จะนำไปสู่การชนะในสถานการณ์จริง หากใจเราแพ้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จข้างนอกก็จะลดลง แต่หากเราสามารถชนะใจตัวเองได้ ก็จะมีกำลังในการเผชิญกับสถานการณ์ภายนอก


ขั้นตอนการเสื่อมสลายของจิตใจ

1. ความคิดที่บิดเบือน

เมื่อเราไม่เข้าใจแผนการของพระเจ้า เราเริ่มตีความสถานการณ์ผิด ดาวิดเองก็สรุปความผิดว่าพระเจ้าไม่สนใจเขาแล้ว ความคิดที่บิดเบือนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด


2. ความรู้สึกด้านลบ (Negative Feelings)

จากความคิดที่ผิด จึงเกิดความรู้สึกทุกข์โศก คำว่า "sorrow" ในภาษาอังกฤษไม่ได้หมายถึงแค่ความทุกข์ใจธรรมดา แต่เป็น ความเจ็บปวดใจที่ลึกซึ้ง ที่เกิดจากการสูญเสียสิ่งที่เรารัก


3. ความรู้สึกพ่ายแพ้

ดาวิดรู้สึกว่า "ศัตรูของข้าพระองค์จะเหนือข้าพระองค์นานเท่าใด" ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขาต้องหนีซาอูลมาตลอด ทำให้เกิดความรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองถูกควบคุมโดยคนอื่น


4. การสูญเสียความหวัง

สุดท้าย ดาวิดบอกว่า "ตาของข้าพระองค์มืดไปหมดแล้ว" ความสว่างหมายถึงความเข้าใจและความหวัง ตอนนั้นเขามองไปที่ไหนก็ไม่เห็นความหวังเหลืออยู่เลย


จุดเปลี่ยนสำคัญ: การตัดสินใจเชื่อ

การใช้คำว่า "แต่"

ในสดุดี 13:5 ดาวิดใช้คำว่า "แต่" ในทางบวก: "แต่ข้าพระองค์วางใจในความรักมั่นคงของพระองค์"


ปกติเราใช้คำว่า "แต่" ในด้านลบ เช่น "อยากจะทำ แต่ไม่มีเวลา" แต่ดาวิดใช้ "แต่" เพื่อ ตัดสินใจเชื่อ ไม่ว่าความรู้สึกจะแย่แค่ไหน ความคิดจะยังไม่ถูกต้อง แต่เขาเลือกที่จะวางใจในความรักของพระเจ้า


การยึดมั่นในประสบการณ์อดีต

ดาวิดนึกถึงประสบการณ์เก่าที่พระเจ้าช่วยเหลือเขา:


  • การสู้กับสิงโตและหมีเพื่อปกป้องฝูงแกะ
  • การชนะยักษ์โกไลแอท
  • การได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์

เขาเข้าใจว่า ความรักของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ในวันที่พระเจ้าเงียบ ก็ไม่ได้หมายความว่าความรักของพระองค์ลดลง


หลักการปฏิบัติในการรอคอย

1. รู้จักแยกแยะระหว่างความรู้สึกและความจริง

ความรู้สึก เป็นเรื่องชั่วคราว แต่ ความจริงของพระคำ คงอยู่เป็นนิตย์ เมื่อความรู้สึกบอกว่าพระเจ้าทิ้งเรา ความจริงบอกว่าพระองค์จะไม่ทิ้งเราเด็ดขาด


2. หาคนที่เข้าใจทางของพระเจ้ามาปรึกษา

การคุยกับตัวเองเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เราติดอยู่ในวงจรความคิดลบ แต่การไปคุยกับ ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ หรือคนที่มีประสบการณ์กับพระเจ้า จะช่วยให้เราเห็นมุมมองที่ถูกต้อง


3. เลือกที่จะสรรเสริญแทนที่จะบ่น

ดาวิดสิ้นสุดสดุดีด้วยการสรรเสริญ: "จิตใจของข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์ในความรอดของพระองค์" การเปลี่ยนจากการบ่นเป็น การสรรเสริญ จะเปลี่ยนมุมมองและอารมณ์ของเรา


4. มองหาพระพรที่ซ่อนอยู่

เหมือนกับเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ที่ผู้คนหลายคนรอดชีวิตเพราะเหตุการณ์เล็กๆ ที่ทำให้พวกเขาไปทำงานสาย การไปไม่ทันตามแผน อาจจะมีพระพรที่ซ่อนอยู่ที่เราไม่ทันรู้ตัว


การต่อสู้กับตัวเอง: บทเรียนจากเปาโล

ธรรมชาติสองด้านในมนุษย์

เปาโลในโรม 7:21-23 อธิบายถึงการต่อสู้ภายในจิตใจ: "เมื่อใดที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำความดี ความชั่วก็พร้อมที่จะผุดขึ้น"


ทุกคนมี "ตัวเก่า" และ "ตัวใหม่" อยู่ในตัว ตัวเก่าคือนิสัยและวิธีคิดเดิมที่มีมาตั้งแต่เกิด ตัวใหม่คือชีวิตที่เกิดใหม่ในพระคริสต์ การต่อสู้นี้จะเกิดขึ้นตลอดชีวิต


ความสำคัญของการควบคุมความคิด

การควบคุมความคิด เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิต หากเราปล่อยให้ความคิดลบครอบงำ สุดท้ายก็จะส่งผลต่อการกระทำและผลลัพธ์ของชีวิต


กลยุทธ์ในการรอคอยอย่างมีความหมาย

1. Enjoy the Journey ไม่ใช่แค่ Destination

หลายคนรอคอยแต่ปลายทาง แต่พระเจ้าต้องการให้เรา เพลิดเพลินกับการเดินทางด้วย เหมือนการกินก๋วยเตี๋ยว ไม่ควรกินแต่เส้นและรอลูกชิ้นไว้ตอนสุดท้าย แต่ควรเพลิดเพลินกับทั้งเส้นและลูกชิ้นไปพร้อมกัน


2. ใช้เวลารอคอยในการเติบโต

ระหว่างการรอคอย พระเจ้าต้องการให้เรา:


  • เปลี่ยนแปลงความคิด ให้สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์
  • เติบโตในความเชื่อ และความไว้วางใจ
  • พัฒนาตัวเอง ให้พร้อมสำหรับสิ่งที่พระองค์เตรียมไว้

3. รักษาท่าทีของการขอบคุณ

การรอคอยด้วยใจที่ขอบคุณ จะทำให้การรอคอยไม่สูญเปล่า แต่จะทำให้เราเข้าใกล้พระพรของพระเจ้ามากขึ้น


ประโยชน์ของการรอคอยอย่างถูกต้อง

1. ความแข็งแกร่งทางจิตใจ

การผ่านช่วงเวลารอคอยทำให้เรามีความแข็งแกร่งทางจิตใจมากขึ้น เหมือนการออกกำลังกาย ยิ่งฝึกมากยิ่งแข็งแรง


2. ความเข้าใจในพระประสงค์ของพระเจ้า

ระหว่างการรอคอยเราจะเข้าใจแผนการของพระเจ้ามากขึ้น และเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำงานร่วมกันเพื่อความดี


3. การเตรียมตัวสำหรับพระพรที่ใหญ่กว่า

บางครั้งการรอคอยคือการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพระพรที่ใหญ่กว่าที่พระเจ้าเตรียมไว้ หากเราได้รับสิ่งที่ต้องการทันที เราอาจจะไม่พร้อมรับมือ


ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการรอคอย

1. การเปรียบเทียบกับคนอื่น

อย่าเปรียบเทียบช่วงเวลารอคอยของเรากับคนอื่น แต่ละคนมี timing ของพระเจ้าที่แตกต่างกัน


2. การเร่งรีบด้วยวิธีของตัวเอง

อย่าพยายามเร่งรับสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เรา การเร่งรีบอาจทำให้เราพลาดบทเรียนสำคัญ


3. การสูญเสียความหวัง

แม้ในยามที่ยากลำบากที่สุดอย่าปล่อยให้ความหวังหมดไป จำไว้ว่าความเงียบของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าพระองค์ไม่สนใจ


การนำหลักการไปใช้ในชีวิตประจำวัน

1. เริ่มต้นวันด้วยการสรรเสริญ

แม้ในวันที่ยากลำบาก จงเริ่มต้นด้วยการขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในชีวิต


2. เขียนบันทึกความรู้สึก

จดบันทึกความคิดและความรู้สึกเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้รูปแบบของตัวเอง


3. หาเพื่อนแท้ฝ่ายจิตวิญญาณ

มีเพื่อนที่เข้าใจทางของพระเจ้า ไว้คอยให้คำปรึกษาและให้กำลังใจในยามที่ต้องการ


4. ศึกษาพระคำอย่างสม่ำเสมอ

พระคำของพระเจ้าเป็นเหมือนดาบฝ่ายวิญญาณที่ช่วยต่อสู้กับความคิดลบ


บทสรุป: การรอคอยที่เปลี่ยนชีวิต

การรอคอยไม่ใช่เวลาที่สูญเปล่า แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและการเติบโต เมื่อเราเรียนรู้ที่จะรอคอยด้วยความเชื่อ ด้วยความขอบคุณ และด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง เราจะพบว่าการรอคอยนั้นไม่ได้ทำให้เราอ่อนแอ แต่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น


จำไว้ว่า ความเงียบของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าพระองค์ไม่สนใจ บางครั้งความเงียบคือการเตรียมพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด 5 ปีข้างหน้า เมื่อเรามองย้อนกลับมา เราจะเข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงให้เรารอคอย และเราจะขอบคุณพระองค์อย่างสุดใจ


ขอให้คุณรอคอยให้เป็น ระหว่างรอคอยให้เดินกับพระเจ้า ระหว่างรอคอยให้รับใช้พระเจ้า และระหว่างรอคอยให้ขอบคุณพระเจ้า การรอคอยแบบนี้จะทำให้ชีวิตของคุณไม่เบื่อ และจะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการเดินทางนี้ไปพร้อมๆ กับการมุ่งหน้าสู่จุดหมาย


FAQ - คำถามที่พบบ่อย

Q1: ทำไมพระเจ้าถึงเงียบบางครั้ง?

A: ความเงียบของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าพระองค์ไม่สนใจ แต่อาจเป็นการฝึกฝนความเชื่อของเรา หรือเป็นการเตรียมเราสำหรับพระพรที่ใหญ่กว่า


Q2: จะเอาชนะความคิดลบในช่วงรอคอยได้อย่างไร?

A: เริ่มจากการรู้จักแยกแยะระหว่างความรู้สึกและความจริง หาคนที่เข้าใจทางของพระเจ้ามาปรึกษา และเลือกที่จะสรรเสริญแทนที่จะบ่น


Q3: การรอคอยนานแค่ไหนถึงจะเหมาะสม?

A: ไม่มีกำหนดเวลาตายตัว แต่หากเราเดินกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิดและมีความสงบใจ แสดงว่าเรายังอยู่ในแผนการของพระองค์


Q4: จะรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้ายังรักเราอยู่ในช่วงยากลำบาก?

A: มองย้อนกลับไปดูประสบการณ์ที่พระเจ้าช่วยเหลือเราในอดีต ความรักของพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง และพระคำของพระองค์ยืนยันความรักนี้


Q5: ควรทำอะไรระหว่างการรอคอย?

A: ใช้เวลานี้ในการเติบโตทางจิตวิญญาณ รับใช้พระเจ้า ช่วยเหลือผู้อื่น และเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่พระเจ้าเตรียมไว้


Q6: การรอคอยจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้จริงหรือ?

A: ใช่ การรอคอยช่วยสร้างความอดทน ความเชื่อ และความแข็งแกร่งทางจิตใจ เหมือนการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น


Q7: จะแยกแยะระหว่างการรอคอยกับการไม่กระทำได้อย่างไร?

A: การรอคอยที่ถูกต้องจะมีความสงบใจและการเตรียมตัว ไม่ใช่การนิ่งเฉย หากพระเจ้าต้องการให้เรากระทำ เราจะรู้สึกได้และมีโอกาสเปิดขึ้นมา




หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com

 

ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

 



 

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า
รวมคำเทศนา คำหนุนใจ และพระวจนะจากพระเจ้า โดย ดร.จิโรจ บงกชมาศ แห่งคริสตจักร Hope International Church Seattle เพื่อเสริมสร้างความเชื่อคริสเตียน รู้จักพระเยซู และเรียนรู้พระคัมภีร์ ติดต่อ: christiansiam@gmail.com