พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   
Email: christiansiam@gmail.com

คำเทศนา - การให้

คำเทศนาประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2568

โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ



มัทธิว 5:41

สรุปคำเทศนา - การให้

การให้ที่แท้จริง: ค่านิยมทวนกระแสจากพระคัมภีร์สู่ชีวิตจริง

ในโลกที่หลายคนมองหาความมั่นคงจากการสะสมทรัพย์สิน ค่านิยมทวนกระแสเรื่อง "การให้" จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและท้าทายอย่างยิ่ง แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงหลักศาสนา แต่เป็นแก่นแท้ที่สามารถเปลี่ยนมุมมองและชีวิตของเราได้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงหลักการสำคัญเรื่อง "การให้" จากพระธรรมกิจการบทที่ 20 ข้อ 35 ซึ่งเป็นคำสอนที่เปาโลเน้นย้ำกับคณะผู้นำที่เมืองเอเฟซัสก่อนจะจากไป


แนวคิดเรื่องการให้ถูกกล่าวถึงอย่างลึกซึ้งในพระคัมภีร์ ซึ่งไม่ใช่แค่การบริจาคเงิน แต่เป็นการสำแดงความรัก การเสียสละ และความเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง การให้แบบคริสเตียนนั้นแตกต่างจากแนวคิดทั่วไปในโลกที่มักจะมองว่าการให้นั้นทำให้เราสูญเสีย แต่พระคัมภีร์กลับสอนเราว่าการให้นั้นนำมาซึ่งความสุขและพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าการรับ เราจะมาสำรวจความหมายที่ลึกซึ้งของคำสอนนี้ผ่านมุมมองของอัครทูตเปาโล


ในพระคัมภีร์ใหม่เราจะเห็นแบบอย่างของการให้มากมาย ตั้งแต่พระเยซูคริสต์ผู้ทรงสละชีวิตของพระองค์ไปจนถึงผู้เชื่อยุคแรกที่แบ่งปันทุกสิ่งที่มีให้แก่กันและกัน เหล่านี้คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การให้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของพระคัมภีร์ เป็นรากฐานสำคัญของชีวิตคริสเตียนที่แท้จริง


1. บริบทของพระธรรม: ทำไมเปาโลจึงย้ำเรื่องการให้?

เพื่อทำความเข้าใจคำสอนของเปาโล เราต้องย้อนกลับไปดูบริบทที่มาที่ไปของพระธรรมกิจการบทที่ 20 ข้อ 35 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายของการเดินทางเพื่อการประกาศข่าวประเสริฐครั้งที่สามของเปาโล เขาเดินทางมาถึงเมืองเอเฟซัส ซึ่งเป็นเมืองที่เขาใช้เวลาอยู่ถึง 3 ปี เพื่อสอนและวางรากฐานคริสตจักรที่นั่น


ก่อนที่เปาโลจะเดินทางต่อไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งมีคำเผยพระวจนะบอกว่าเขาจะต้องเผชิญกับการถูกจับกุมและเสียชีวิต เขาได้เรียกประชุมคณะผู้นำคริสตจักรเอเฟซัสเพื่อกล่าวคำอำลาและหนุนใจเป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเนื่องจากทุกคนรู้ดีว่าอาจจะไม่ได้พบกับเปาโลอีกแล้ว ดังที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ใน กิจการ 20:36-38

  • “เปาโลกล่าวอย่างนั้นแล้ว จึงคุกเข่าลงอธิษฐานกับคนเหล่านั้น เขาทั้งหลายจึงร้องไห้มากมาย และกอดคอเปาโลจุบท่าน เขาทั้งหลายเป็นทุกข์มากที่สุดเพราะถ้อยคำที่ท่านกล่าวว่า เขาจะไม่ได้เห็นหน้าท่านอีก”

ในช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยอารมณ์นี้เอง เปาโลเลือกที่จะย้ำเตือนถึงเรื่อง "การให้" เป็นประเด็นสุดท้ายก่อนจะจากไป ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของผู้เชื่อ คำพูดของเขาไม่ได้ต้องการเงินบริจาค แต่ต้องการปลูกฝังค่านิยมของพระเจ้าในจิตใจของผู้นำเหล่านี้ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของการเป็นผู้ให้


2. การเป็นแบบอย่างในการให้: พลังที่ยิ่งใหญ่กว่าคำสอน

เปาโลไม่ได้เพียงแค่สอนเรื่องการให้ด้วยคำพูด แต่เขาเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้ตลอด 3 ปี ที่เขาอยู่ในเอเฟซัส เขากล่าวอย่างมั่นใจว่า:

  • “ข้าพเจ้าไม่ได้โลภเงินหรือทองหรือเสื้อผ้าของผู้ใด ท่านทั้งหลายทราบว่ามือของข้าพเจ้าจัดหาปัจจัยสำหรับตัวข้าพเจ้ากับคนที่อยู่กับข้าพเจ้า” (กิจการ 20:33-34)

ในฐานะมิชชันนารี เปาโลมีสิทธิ์ที่จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากคริสตจักร แต่เขากลับเลือกที่จะทำงานหนักด้วยมือของตัวเองเพื่อเลี้ยงชีพและทีมงาน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ปฏิเสธความโลภและไม่ต้องการเป็นภาระแก่ผู้อื่น แต่กลับต้องการเป็นผู้ให้และเป็นพระพรแก่คนรอบข้าง

  • ไม่โลภ: เปาโลไม่ได้มองหาความร่ำรวยเพื่อสะสมไว้ แต่เขามองหาโอกาสในการเป็นผู้ให้และเป็นพระพรแก่คนอื่น
  • ไม่เอาเปรียบ: เขาเลือกที่จะทำงานหนักเพื่อพึ่งพาตนเอง และไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
  • เสียสละเพื่อผู้อื่น: เขาไม่ได้ดูแลแค่ตัวเอง แต่ยังรวมถึงทีมงานของเขาด้วย ซึ่งแสดงถึงหัวใจแห่งการเสียสละและรับผิดชอบ

การเป็นแบบอย่างของเปาโลนี้เองที่ทำให้คำพูดของเขามีพลังและน่าเชื่อถือ การให้โดยไม่คาดหวังผลตอบแทน และการเสียสละเพื่อผู้อื่นคือสิ่งที่ผู้นำคริสตจักรเอเฟซัสได้เห็นและสัมผัสตลอดเวลาที่ผ่านมา และนี่คือมรดกสำคัญที่เปาโลทิ้งไว้ให้พวกเขาได้สืบทอดต่อไป


พระพรที่ได้รับจากการให้: ความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่าการรับ

เปาโลสรุปคำสอนเรื่องการให้ด้วยถ้อยคำที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์ว่า: “ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขมากยิ่งกว่าการรับ’ ” (กิจการ 20:35) คำพูดนี้ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในพระกิตติคุณสี่เล่ม แต่เป็นคำสอนที่สืบทอดกันมา และเปาโลได้นำมากล่าวเพื่อหนุนใจผู้นำ คำว่า “มีความสุข” ในที่นี้ ในภาษาเดิมคือคำว่า makarios ซึ่งสามารถแปลว่า “ได้รับพระพร” ได้ด้วย ดังนั้นความหมายที่แท้จริงอาจไม่ใช่แค่ความรู้สึกดีใจชั่วคราว แต่เป็น "พระพรที่ยั่งยืน" ที่มาพร้อมกับการเป็นผู้ให้


การให้ที่แท้จริงคือการลงทุนในอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เงินหรือทรัพย์สินทางโลกไม่สามารถซื้อได้ การให้จึงเป็นเรื่องของ ความเชื่อ และ ความไว้วางใจ ในพระเจ้า ผู้ซึ่งสัญญาว่าจะไม่ให้เราขาดสิ่งดีใดๆ


  • พระพรที่เหนือกว่าการรับ: การให้ทำให้เราได้สัมผัสกับความพอเพียงที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่จากทรัพย์สินที่เรามี
  • ความสุขที่ยั่งยืน: ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากการสะสม แต่มาจากการแบ่งปันและเห็นชีวิตของผู้อื่นได้รับการเปลี่ยนแปลง
  • การสำแดงความรักของพระเจ้า: การให้คือหนทางที่เราจะแสดงความรักและหัวใจที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเหมือนพระคริสต์

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือโคเนลิอัส นายร้อยชาวโรมันในกิจการบทที่ 10 แม้เขาจะยังไม่รู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่การให้ทานและการอธิษฐานของเขาได้รับการจดจำจากพระเจ้า และนำไปสู่การที่ครอบครัวของเขาได้รับความรอด นั่นคือ พระพรที่ยิ่งใหญ่ ที่เงินไม่สามารถซื้อได้


สรุปและคำเชิญชวน

หลักการ การให้ที่แท้จริง ที่เปาโลสอน ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดที่สวยงาม แต่เป็นค่านิยมทวนกระแสที่ท้าทายให้เราใช้ชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ การให้ไม่ได้ทำให้เราขาดแคลน แต่นำมาซึ่งความสุขและพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าการรับอย่างมากมาย


ในฐานะผู้เชื่อ เราถูกเรียกให้เป็นผู้ให้ไม่ใช่เพราะหน้าที่หรือเพราะถูกบังคับ แต่เพราะเรามีหัวใจแห่งความรักและปรารถนาที่จะเป็นพระพรแก่ผู้อื่น เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ในชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันเวลา แบ่งปันความสามารถ หรือแบ่งปันทรัพย์สิน เพื่อให้ชีวิตของคุณเป็นแบบอย่างแห่งการให้ที่แท้จริง


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  • 1. "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขมากยิ่งกว่าการรับ" หมายถึงอะไร?
    คำพูดนี้หมายถึงว่าการเป็นผู้ให้นั้นนำมาซึ่งพระพรและความสุขที่แท้จริงในชีวิต ซึ่งเป็นความสุขที่ยั่งยืนและลึกซึ้งกว่าความรู้สึกยินดีที่ได้รับบางสิ่งบางอย่าง
  • 2. ทำไมเปาโลถึงย้ำเรื่องการให้เป็นประเด็นสุดท้าย?
    เปาโลต้องการเน้นย้ำถึงความสำคัญของค่านิยมนี้กับผู้นำคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส เพราะนี่คือหลักการสำคัญที่จะทำให้พวกเขาดำรงชีวิตอย่างผู้เชื่อที่แท้จริง และเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างคริสตจักรต่อไป
  • 3. การเป็นแบบอย่างในการให้มีความสำคัญอย่างไร?
    การเป็นแบบอย่างนั้นมีพลังมากกว่าคำสอน การเห็นผู้นำใช้ชีวิตตามหลักการที่เขาสอนจะช่วยให้ผู้คนในคริสตจักรเข้าใจและเลียนแบบการให้ด้วยความรักและความเชื่ออย่างแท้จริง
  • 4. เราจะให้โดยไม่คาดหวังผลตอบแทนได้อย่างไร?
    การให้โดยไม่คาดหวังผลตอบแทนมาจากการที่เราเข้าใจว่าทุกสิ่งที่เรามีล้วนมาจากพระเจ้า และเราให้ไปเพราะความรักในพระองค์และในเพื่อนมนุษย์
  • 5. พระพรที่มาจากการให้มีแต่เรื่องการเงินหรือไม่?
    ไม่ใช่ พระพรที่มาจากพระเจ้ามีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความสุขสงบในจิตใจ การได้รับการดูแลอย่างอัศจรรย์จากพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หรือแม้แต่ความรอดของชีวิตในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้


หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com

 

ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

 



 

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า
รวมคำเทศนา คำหนุนใจ และพระวจนะจากพระเจ้า โดย ดร.จิโรจ บงกชมาศ แห่งคริสตจักร Hope International Church Seattle เพื่อเสริมสร้างความเชื่อคริสเตียน รู้จักพระเยซู และเรียนรู้พระคัมภีร์ ติดต่อ: christiansiam@gmail.com