คำเทศนา - What is Easter to you
คำเทศนาประจำวันที่ 20 เมษายน 2568โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ
1 โครินธ์ 15:55-57
สรุปคำเทศนา - What is Easter to you
อีสเตอร์คืออะไร? หัวใจแห่งการไถ่บาปและชีวิตใหม่
วันอีสเตอร์ คือการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์ทุกคน เหตุการณ์นี้เป็นหัวใจสำคัญของความเชื่อคริสเตียน เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และมีชัยชนะเหนือบาปและความตายอย่างแท้จริง การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ไม่เพียงนำมาซึ่งการอภัยโทษบาป แต่ยังมอบชีวิตใหม่และความหวังนิรันดร์ให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์ นี่คือ 3 ภาพเปรียบเทียบที่จะช่วยให้เราเข้าใจความหมายของอีสเตอร์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ภาพที่ 1: แพะรับบาป – การรับโทษแทน
ในความเชื่อของมนุษย์หลายวัฒนธรรม หากใครทำผิดก็ต้องได้รับกรรมหรือโทษจากความผิดนั้นๆ ในพระคัมภีร์ก็เช่นกัน เมื่อมนุษย์ทำบาปต่อพระเจ้า ผลของบาปคือความตายและการถูกลงโทษ แต่ด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงอนุญาตให้มีการใช้ "แพะรับบาป" ซึ่งเป็นสัตว์ที่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิมาตายแทน เพื่อชำระความผิดบาปนั้น เลือดของสัตว์เหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์แทนชีวิต และการตายของมันเป็นการรับโทษแทนความผิดของมนุษย์
แนวคิด "แพะรับบาป" นี้ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน เช่น การที่คนทำผิดแล้วจ้างคนอื่นมารับโทษแทน หรือที่เรียกว่า "จับแพะ" ซึ่งผู้บริสุทธิ์ต้องมารับกรรมแทนคนผิด ในพระคัมภีร์เดิม หลักการของการรับโทษแทนนี้ถูกวางไว้ และมาถึงจุดสูงสุดเมื่อพระเจ้าทรงส่งพระเยซูคริสต์ ผู้บริสุทธิ์ ปราศจากบาป มาเป็น "แกะของพระเจ้า" เพื่อรับโทษบาปแทนมนุษย์ทุกคนที่เชื่อในพระองค์
- ทำไมพระเยซูจึงต้องตายแทนเรา? เพราะเมื่อเราทำบาป เราต้องรับโทษตายฝ่ายวิญญาณ ซึ่งนำไปสู่การแยกขาดจากพระเจ้าและบั้นปลายคือนรกนิรันดร์
- พระเยซูทรงเลือกที่จะรับโทษนั้นแทนเรา พระองค์ทรงเป็นแพะผู้บริสุทธิ์ที่ถูกนำไปฆ่า เพื่อให้เราพ้นจากโทษทัณฑ์
- นั่นคือเหตุผลหลักที่คริสเตียนเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ เพราะการตาย การไถ่ และการรับโทษแทนของพระเยซูบนไม้กางเขนนั้น "สำเร็จแล้ว"
ภาพที่ 2: เหล็กในแห่งความบาปและความตาย – ชัยชนะของพระเยซู
พระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 15:55-57 กล่าวว่า "โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ แดนคนตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน? เหล็กในของความตายคือบาป ฤทธิ์อำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ แต่จงขอบคุณแด่พระเจ้าผู้ประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา"
ลองจินตนาการถึงความบาปเหมือนผึ้งที่มีเหล็กใน เมื่อเราสัมผัสหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เราก็จะถูกเหล็กในต่อย พิษของมันจะฝังอยู่ในตัวเรา สร้างความเจ็บปวด และหากแพ้มากก็อาจถึงตายได้ มารซาตานคอยล่อลวงให้เราทำบาป เพื่อให้เหล็กในแห่งความตายฝังอยู่ในเรา แต่ในวันอีสเตอร์ พระเยซูผู้ไม่เคยทำบาป กลับทรงรับเอาเหล็กในแห่งความบาปและความตายนั้นไว้ พระองค์ทรงแบกบาปของเราไปสู่ไม้กางเขน และถูกความบาปนั้น "ต่อย" ทำให้พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์
- พระเยซูไม่เคยทำบาป พระองค์จึงไม่มี "พิษ" ของบาปติดตัว พระเจ้าจึงทรงชุบชีวิตพระองค์ให้ฟื้นคืนพระชนม์อีกครั้ง
- เหล็กในแห่งความตายที่เคยมีอำนาจรุนแรง ไม่สามารถทำอันตรายผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้อีกต่อไป
- เรื่องราวของพ่อกับลูกที่ถูกผึ้งต่อย เป็นภาพเปรียบเทียบว่า พระเยซูทรงรับเอาเหล็กในของบาปแทนเราแล้ว
ภาพที่ 3: สับรางรถไฟ – การเสียสละเพื่อชีวิต
เพื่อให้เห็นภาพความรักและการเสียสละของพระเจ้าในวันอีสเตอร์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองฟังเรื่องราวที่เล่าขานกันมานี้: ชายคนหนึ่งทำงานเป็นพนักงานสับรางรถไฟ มีรางรถไฟสองสาย: สายหนึ่งใช้งานได้ปกติ และอีกสายหนึ่งเป็นรางที่เสียแล้วและไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ เด็กๆ ในหมู่บ้านมักชอบไปเดินเล่นบนรางรถไฟที่ใช้งานได้ แม้ว่าชายคนนี้จะเตือนเสมอถึงอันตราย
วันหนึ่ง รถไฟกำลังมาด้วยความเร็วสูง และเด็กๆ จำนวนมากกำลังเดินเล่นอยู่บนรางที่ใช้งานได้ ชายคนนี้ตะโกนเตือนแต่ไม่มีใครได้ยิน เขามีทางเลือก: หากปล่อยให้รถไฟวิ่งไปตามรางปกติ เด็กๆ เหล่านั้นจะถูกชนตายทั้งหมด แต่ถ้าเขาสับรางให้รถไฟเปลี่ยนไปวิ่งบนรางที่เสีย เด็กๆ กลุ่มใหญ่ก็จะรอดชีวิต ทว่าเมื่อเขามองไปที่รางที่เสีย ก็พบว่าลูกชายของเขากำลังเดินเล่นอยู่บนรางนั้น
- ชายคนนี้ต้องตัดสินใจ: ปล่อยให้เด็กจำนวนมากตาย หรือเสียสละลูกชายของตนเองเพื่อช่วยชีวิตคนเหล่านั้น
- วันอีสเตอร์เป็นวันที่พระเจ้าทรงตัดสินใจเช่นเดียวกับชายคนนี้ โดยสละพระบุตรของพระองค์เพื่อช่วยมนุษย์ทุกคน
- พระเยซูทรง "สับราง" รถไฟแห่งความตายให้มาพุ่งชนที่พระองค์แทน เพื่อให้เราได้รับชีวิตรอด
ทำไมการฟื้นคืนพระชนม์จึงสำคัญ?
ทั้งสามภาพนี้ แพะรับบาป, เหล็กในแห่งความบาป, และการสับรางรถไฟ ล้วนชี้ให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่และพระคุณของพระเจ้าที่ประทานให้แก่มนุษย์ผ่านพระเยซูคริสต์ แต่การที่พระเยซูต้องฟื้นขึ้นจากความตายนั้นก็เพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง และการไถ่บาปของพระองค์นั้นสมบูรณ์แบบ คนที่มีโทษตายไม่สามารถรับโทษแทนคนอื่นได้ แต่เพราะพระเยซูไม่เคยทำบาป พระองค์จึงไม่มีโทษตาย ไม่มี "ค่าจ้างของความบาป" พระองค์จึงสามารถประทานชีวิตนิรันดร์ให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้
อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ บทที่ 15 ว่า หากพระเยซูไม่ฟื้นคืนพระชนม์ ความเชื่อคริสเตียนก็ไร้ความหมาย เพราะหัวใจหลักของเราไม่ใช่เพียงแค่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง แต่เชื่อว่าการไถ่บาปของพระเยซูที่ไม้กางเขนนั้น "สำเร็จแล้ว" และเรารู้ว่าสำเร็จได้อย่างไร ก็เพราะพระองค์ทรงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และไม่ตายอีกต่อไป สิ่งนี้เป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
หลังจากพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ประมาณ 20 ปี นักบุญเปาโลเขียนจดหมาย 1 โครินธ์ เพื่ออธิบายแก่ผู้ที่สงสัยถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ท่านยืนยันว่าท่านยังคงเชื่อในเรื่องนี้อย่างมั่นคง และให้เหตุผลสนับสนุนมากมาย รวมถึงเรื่องเหล็กในของความตายที่เราได้กล่าวถึงไป เราจึงมั่นใจว่าพระเจ้าที่เราเชื่อไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว แต่เป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ดังนั้น เมื่อเราอธิษฐานทูลขอสิ่งใด พระองค์ทรงรับฟัง เข้าใจ และตอบคำอธิษฐานของเราเสมอ
พลังแห่งอีสเตอร์ในชีวิตประจำวัน
ทุกครั้งที่เปาโลเผชิญกับปัญหาหนักหน่วงในชีวิต ท่านมักจะกลับไปหนุนใจตนเองว่าท่านยังเชื่อใน "พลังอีสเตอร์" พลังที่ทำให้พระเยซูฟื้นคืนจากความตายนั้นอยู่ในผู้เชื่อทุกคน นี่คือพลังที่ดีที่สุดของพระเจ้าที่ประทานให้กับเรา เปาโลจึงมั่นใจว่า "ข้าพเจ้าเผชิญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า" (ฟิลิปปี 4:13)
วันอีสเตอร์จึงเป็นวันที่เรากลับมาระลึกถึงว่า สิ่งที่พระเยซูได้รับจากพระเจ้าคือ "การกลับมามีชีวิตอีกครั้ง" และเราก็สามารถมีชีวิตเช่นนั้นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัว หน้าที่การงาน ครอบครัว หรือแม้แต่ธุรกิจการงาน ขอให้เรามีความหวังในพระเจ้าเสมอว่า วันอีสเตอร์ คือวันแห่งชัยชนะ และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ ชีวิตเก่าที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ได้จบลงแล้ว
สรุป: ชัยชนะของคุณเริ่มต้นที่อีสเตอร์
ขอให้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ เพราะพระเจ้าที่ฟื้นคืนจากความตายจะทรงส่งผ่านชัยชนะนั้นมาสู่ชีวิตของคุณ เพื่อให้เราดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจและมีชัยชนะในทุกสถานการณ์
แม้ในบางเรื่องของชีวิตที่เราอาจรู้สึกพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะเป็นพ่ายแพ้ต่อตัวเอง ความคิด เนื้อหนัง ธุรกิจ หรือเรื่องอื่นๆ แต่ขอให้เรามีความหวังลึกๆ ว่าชัยชนะของพระเยซูกำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตและจิตใจของเรา และเราจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในสักวันหนึ่ง ขอพระเจ้าหนุนใจให้เรามีความหวังเสมอและไม่หมดหวังในทุกเรื่องของชีวิต
สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับมนุษยชาติคือความตาย และพระเยซูได้ทรงชนะสิ่งนั้นแล้ว พระองค์พร้อมที่จะมอบชัยชนะต่างๆ ให้กับเราเมื่อเราสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตกับพระองค์ ขอพระเจ้าอวยพรท่านในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน ขอพระเจ้าอวยพรท่านครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอีสเตอร์ (FAQ)
1. วันอีสเตอร์คืออะไร?
วันอีสเตอร์คือวันสำคัญในศาสนาคริสต์ที่เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์ เป็นการยืนยันถึงชัยชนะของพระองค์เหนือบาปและความตาย
2. ทำไมพระเยซูต้องตายและฟื้นคืนพระชนม์ในวันอีสเตอร์?
พระเยซูต้องตายเพื่อรับโทษบาปแทนมนุษย์ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ เนื่องจากผลของบาปคือความตาย การฟื้นคืนพระชนม์เป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง มีชัยชนะเหนือบาปและความตาย และการไถ่บาปของพระองค์นั้นสมบูรณ์แล้ว
3. "แพะรับบาป" ในความหมายของอีสเตอร์คืออะไร?
"แพะรับบาป" ในความหมายของอีสเตอร์คือภาพเปรียบเทียบที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากบาป ที่ยอมรับโทษบาปแทนมนุษย์ทุกคน คล้ายกับธรรมเนียมในพระคัมภีร์เดิมที่ใช้สัตว์มาตายแทนเพื่อชำระบาป
4. "เหล็กในแห่งความบาป" หมายถึงอะไรในบริบทของอีสเตอร์?
"เหล็กในแห่งความบาป" หมายถึงพิษร้ายแรงของบาปที่นำไปสู่ความตาย พระเยซูทรงรับเอาเหล็กในนั้นไว้เมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ทำให้ความตายไม่สามารถมีอำนาจเหนือบาปของผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้อีกต่อไป
5. วันอีสเตอร์มอบความหวังอะไรให้แก่ผู้เชื่อ?
วันอีสเตอร์มอบความหวังแห่งชีวิตใหม่ การอภัยโทษบาป และชัยชนะเหนือความตายแก่ผู้เชื่อ เพราะการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเป็นเครื่องยืนยันว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับชีวิตนิรันดร์และมีพลังที่จะเผชิญทุกสิ่งได้
6. พลังอีสเตอร์คืออะไร?
พลังอีสเตอร์คือพลังอำนาจของพระเจ้าที่ทำให้พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนจากความตาย เป็นพลังเดียวกันที่อยู่ในผู้เชื่อทุกคน ทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตที่มีชัยชนะและเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ได้
7. เราจะนำหลักการของอีสเตอร์มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?
เราสามารถนำหลักการของอีสเตอร์มาปรับใช้ได้โดยการระลึกถึงการเสียสละและความรักของพระเจ้า, เชื่อมั่นในชัยชนะของพระเยซูเหนือบาปและความตาย, และดำเนินชีวิตด้วยความหวังและความมั่นใจว่าเรามีพลังจากพระเจ้าที่จะเผชิญทุกสิ่งได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com
ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com