คำเทศนา - 3 kinds of problems part 2
คำเทศนาประจำวันที่ 27 เมษายน 2568โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ
สดุดี 23:1-6
สรุปคำเทศนา - 3 kinds of problems part 2
บทนำ: ความเชื่อที่สั่นคลอนในยามยากลำบาก
ในเช้าวันนี้ เราจะได้ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าในช่วงสุดท้ายจาก สดุดี บทที่ 23 โดยเฉพาะในตอนที่กล่าวถึง "หุบเขาเงามัจจุราช" หลายครั้งที่เราวาดภาพน้ำพระทัยพระเจ้าว่าเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไร้อุปสรรค และเต็มไปด้วยความราบรื่น แต่ในความเป็นจริง ชีวิตของดาวิดผู้เขียนสดุดีบทนี้ กลับเต็มไปด้วยขวากหนามและความท้าทาย แล้วเราจะเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร เมื่อทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวัง? บทความนี้จะเจาะลึกถึงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับน้ำพระทัยพระเจ้า และชี้ให้เห็นว่าในความไม่ราบรื่นนั้น พระเจ้าทรงมีแผนการอันยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตของเราเสมอ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "น้ำพระทัยพระเจ้า"
บ่อยครั้งที่เราได้ยินคำถามที่ว่า "ถ้าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า ทุกอย่างที่เราทำต้องราบรื่นจริงไหม?" คำตอบคือ ไม่จริงเสมอไป หลายคนมีความเชื่อฝังแน่นว่า หากการแต่งงาน การทำธุรกิจ การเรียน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์เป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้า ทุกอย่างจะต้องไร้ปัญหาและประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย
ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้ มักจะไม่เข้าใจพระลักษณะของพระเจ้าอย่างถ่องแท้ และไม่เข้าใจถึงพระประสงค์ที่แท้จริงของพระองค์ในชีวิตของเรา สิ่งนี้อาจสะท้อนได้จากสองประเด็นหลัก:
- ขาดความเข้าใจพระคัมภีร์และพระเจ้าอย่างแท้จริง: พวกเขาอาจไม่ได้เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างลึกซึ้ง ไม่ได้ศึกษาพระคัมภีร์ และไม่ได้รู้จักพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในระดับที่ลึกซึ้งพอ
- ใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินผู้อื่น: คนประเภทนี้มักจะใช้มุมมองนี้ตัดสินพี่น้องคนอื่น ๆ หากเห็นใครประสบปัญหาในการทำธุรกิจ การแต่งงาน หรือเรื่องอื่น ๆ ก็มักจะสรุปทันทีว่า "เห็นไหม? นั่นไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้าตั้งแต่แรก" หรือ "คุณไม่ได้แสวงหาพระองค์อย่างแท้จริง ปัญหาจึงเกิดขึ้นมากมาย" คำพูดเช่นนี้อาจสร้างความเจ็บปวดและเข้าใจผิดอย่างมาก
ชีวิตของดาวิด: บทเรียนจากความไม่ราบรื่น
เมื่อเราหันไปดูชีวิตของดาวิดจากพระคัมภีร์ เราจะเห็นว่าชีวิตของเขาไม่ได้ราบรื่นเลย ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นกษัตริย์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง เขาก็ยังเผชิญกับปัญหามากมาย การที่ชีวิตของเราไม่ได้ราบรื่น ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา พระเจ้าไม่เคยสัญญาว่าจะให้ทุกสิ่งราบรื่น แต่พระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับเราเสมอ และจะช่วยให้เราผ่านไปได้อย่างมีพรและมีชัยชนะ
เหตุผลที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ความไม่ราบรื่นเกิดขึ้น
- เพื่อให้เราได้รับประสบการณ์แห่งชัยชนะและการปกป้อง: ใครอยากมีประสบการณ์ชัยชนะในชีวิต? เราต้องออกไปสู้รบก่อนจึงจะได้รับชัยชนะ ใครอยากมีประสบการณ์รับการปกป้องจากพระเจ้า? เราก็ต้องไปอยู่ในอันตรายก่อน ใช่ไหม? และใครอยากมีประสบการณ์การดูแลและการจัดเตรียมของพระเจ้า? เราก็ต้องขัดสนก่อนเช่นกัน
- เพื่อให้เราเรียนรู้ความถ่อมใจ: หากเราต้องการเป็นคนถ่อมใจ และรู้ว่าถ้าเราถ่อมใจพระเจ้าจะทรงยกขึ้น หลายครั้งพระเจ้าทรงอนุญาตให้เราล้มเหลว ให้เราเจอทางตันของชีวิต จนเรามาถึงจุดที่ตระหนักว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ และเราไม่สามารถไปถึงจุดที่เราต้องการโดยปราศจากพระเจ้า
เป้าหมายของพระเจ้าในชีวิตเรา
เราแต่ละคนมีเป้าหมายที่เราอยากประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน การเรียน ครอบครัว หรือความสัมพันธ์ เราอยากให้สิ่งต่างๆ ราบรื่นและเป็นไปตามที่เราวาดฝันไว้ แต่พระเจ้าก็มีเป้าหมายและความสำเร็จของพระองค์เช่นเดียวกัน และบ่อยครั้ง เป้าหมายของพระองค์นั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ให้เป้าหมาย วิธีคิด มุมมอง และลักษณะชีวิตของเราเป็นเหมือนพระองค์
เรียนรู้จากบทเรียนของพ่อแม่ เหมือนกับพ่อแม่ที่มักมีเงื่อนไขเมื่อลูกขออะไรบางอย่าง เช่น "อ่านหนังสือเยอะๆ ก่อนได้ไหม แล้วเดี๋ยวจะได้สิ่งที่ต้องการ" พระเจ้าก็ทรงบอกเราเช่นกันว่า "ยอมเปลี่ยนความคิดนี้ก่อนสิ ยอมออกจากบาปก่อนสิ แล้วเราถึงจะได้ในสิ่งที่เราต้องการ" พูดง่ายๆ คือ หลายครั้งพระเจ้าต้องการได้รับสิ่งที่พระองค์ต้องการจากเราก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ ต่อพระองค์โดยตรง แต่กลับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับตัวเราเอง
การเผชิญหน้ากับ "ภูเขาเงาแห่งความมัจจุราช"
เมื่อดาวิดเดินกับพระเจ้าและเผชิญกับอุปสรรค วิธีคิดของเขาคือ: "พระเจ้าต้องการอะไรจากเขา?" เขารู้ว่าถ้าเขาสามารถถวายสิ่งเหล่านั้นแด่พระเจ้าได้ก่อน เส้นทางชีวิตของเขาก็อาจจะราบรื่นขึ้น ดาวิดรู้เสมอว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเขาคือความรักที่มีต่อพระองค์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ความรักในพระนิเวศ และความรักในแผนการของพระเจ้า
เวลาเราเจอปัญหา เรามักจะทูลขอด้วยความเชื่อให้พระเจ้าช่วย ปลดปล่อย หรือยกชูชีวิตของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและเราควรทำ แต่ดาวิดคิดลึกไปมากกว่านั้น เขารู้ว่าเขาต้องการอะไรจากพระเจ้า แต่หลายครั้งเราไม่รู้ว่าพระเจ้าต้องการอะไรจากเราในเวลาที่เราเผชิญปัญหานั้นๆ การตั้งคำถามสองด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ: "เราต้องการอะไรจากพระเจ้าในเวลานี้?" และ "พระเจ้าต้องการอะไรจากเราในเวลาเดียวกัน?" หากเรารู้ว่าพระเจ้าต้องการอะไรจากเรา บ่อยครั้งพระองค์ทรงต้องการสิ่งนั้นก่อนที่พระองค์จะอวยพรเรา
โมเสสและเปโตร: ตัวอย่างจากพระคัมภีร์
- โมเสส: ความล้มเหลวของโมเสสในการเป็นเจ้าชายในอียิปต์ เมื่อเขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้และฆ่าทหารอียิปต์คนหนึ่ง ทำให้เขาต้องหนีเข้าสู่ถิ่นทุรกันดาร ความล้มเหลวครั้งนี้เปิดโอกาสให้พระเจ้าได้รับสิ่งที่พระองค์ต้องการจากโมเสส นั่นคือการเรียนรู้ความถ่อมใจอย่างแท้จริง ในวันที่โมเสสเป็นเจ้าชาย พระองค์ยากที่จะได้รับความถ่อมใจจากเขา แต่เมื่อเขาผิดพลาด พระเจ้าก็ทรงได้ในสิ่งที่พระองค์ต้องการ และหลังจากนั้น พระองค์ก็ทรงเรียกโมเสสออกจากถิ่นทุรกันดารเพื่อรับใช้พระองค์
- เปโตร: ความล้มเหลวของเปโตรในการปฏิเสธพระเยซูถึงสามครั้ง ก็เปิดโอกาสให้พระเจ้าทำให้เปโตรถ่อมใจ และเรียนรู้ถึงความรักของพระเจ้าที่ไม่มีเงื่อนไข
บ่อยครั้งเมื่อเราสนใจแต่สิ่งที่เราต้องการ เราจะลืมไปว่าพระเจ้าก็ต้องการบางอย่างจากเราเช่นกัน เมื่อเราผิดพลาดและไม่เข้าใจวิธีการทำงานของพระเจ้า เรามักจะรอคอยว่าเมื่อไหร่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน คำถามแรกที่เราควรจะถามคือ "พระเจ้าต้องการอะไรจากเราก่อน?" หากเราตอบได้และตอบสนองพระเจ้าได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ดีของการอัศจรรย์
การเดินผ่าน "ภูเขาเงาแห่งความมัจจุราช"
ชาวอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์เข้าสู่แผ่นดินแห่งพันธสัญญา แม้การออกจากอียิปต์เข้าดินแดนคานาอันจะเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่หลายคนก็ไปไม่ถึง การตัดสินใจทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่น และไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ จนกว่าเราจะเดินกับพระเจ้าด้วยวิธีของพระองค์ ด้วยท่าทีและจิตใจแบบพระองค์
ผมมักจะพูดเสมอว่า ก่อนที่เราจะทำอะไร เราควรจะคิดก่อนว่าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ คนที่เราจะแต่งงานด้วย และเมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าใช่ นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เป็นประตูที่เปิดออกไปสู่การเดินทาง แต่เราต้องใช้ทั้งชีวิตในการเดินกับพระเจ้าเพื่อเดินไปถึงคานาอันให้ได้ ชีวิตที่สัตย์ซื่อในการเดินกับพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ
คาถาและธารพระกร: การทรงนำและการปกป้อง
ในสดุดี 23:4 กล่าวว่า "แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์จะไม่กลัวสิ่งร้ายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คาทาและธารพระกรของพระองค์เร้าโลมข้าพระองค์"
- คาทา (Rod): ไม้ตะบองสั้นๆ ที่ผู้เลี้ยงแกะใช้ต่อสู้กับสัตว์ร้าย เพื่อปกป้องฝูงแกะ เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องและอำนาจของพระเจ้า
- ธารพระกร (Staff): ไม้เท้ายาวที่มีปลายงอ ใช้สำหรับนำทางแกะ ดึงแกะที่หลงทาง หรือช่วยแกะที่ตกหล่ม เป็นสัญลักษณ์ของการทรงนำ การแก้ไข และการดูแลของพระเจ้า
ดาวิดรู้ว่าเมื่อเขาเดินอยู่ในปัญหาที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ พระเจ้าจะมี "คาทา" ไว้ต่อสู้แทนเขา และมี "ธารพระกร" คอยนำทางและแก้ไขเขาให้อยู่ในทางของพระองค์เสมอ ดังนั้น ดาวิดจึงไม่หวั่นไหวในการเดิน
เหมือนกับเด็กน้อยที่ไปเที่ยวสวนสัตว์กับพ่อ และกลัวสิงโตคำราม พ่อของเขาบอกให้มองที่กรง ไม่ใช่มองที่สิงโต เพราะกรงเหล็กยังไงสิงโตก็ออกมาไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน มีหลายสิ่งมากมายที่พระเจ้าทรงปกป้องเรา บางทีเรามองแต่ปัญหา แต่เราต้องรู้ว่า "คาทา" และ "ธารพระกร" ของพระเจ้าอยู่ข้างเราเสมอ อย่ามองแค่ปัญหา แต่ให้มองที่การจัดเตรียมของพระเจ้า ความกลัวของเราจะน้อยลง และเราจะผ่านไปได้
เดินกับพระเจ้าวันนี้ให้ดีที่สุด
หลายคนอาจเคยได้ยินปรัชญาที่ว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" ซึ่งอาจจะดี แต่มาตรฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่ดีที่สุดที่แท้จริงคือ "เดินกับพระเจ้าวันนี้ให้ดีที่สุด" ปรัชญานี้ใช้ได้ตลอดเวลา หากเราเดินกับพระเจ้าวันนี้ให้ดีที่สุด สิ่งที่เราทำในวันนี้จะดูแลปัญหาของวันพรุ่งนี้เอง ดังที่พระเยซูตรัสว่า "จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วสิ่งทั้งปวงเหล่านี้จะถูกเพิ่มให้แก่ท่าน" (มัทธิว 6:33)
พระเจ้าจะทรงนำเราไปในที่ที่ดีกว่าเสมอ พระองค์ทรงอนุญาตให้เราเดินผ่าน "หุบเขาเงามัจจุราช" เพื่อลักษณะชีวิตของเราจะดีขึ้น และพร้อมที่จะรับพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่า ขอให้เราอดทนและขอบคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์
สรุป: ชัยชนะในความสัตย์ซื่อ
เมื่อชีวิตไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด จงจำไว้ว่านั่นอาจเป็นโอกาสที่พระเจ้ากำลังทำสิ่งใหม่ในชีวิตของเรา ดังที่ดาวิดรักษา "แก้วน้ำ" แห่งความเชื่อ ความรัก และความตั้งใจที่จะรับใช้พระเจ้าให้เต็มอยู่เสมอ ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่เพียงใด หรือใช้เวลานานแค่ไหน ความสัตย์ซื่อของเราในการเดินกับพระเจ้าจะนำไปสู่ชัยชนะเสมอ ขอให้เรามั่นใจในพระองค์ ไม่ว่าภาระที่เราแบกรับจะเป็นเรื่องสุขภาพ ธุรกิจ การเงิน วีซ่า ลูก หรือสิ่งใดก็ตาม ขอให้ใจเย็นลงและสงบลง และรู้ว่าเมื่อถึงเวลา พระเจ้าจะทรงดูแลเราอย่างแน่นอน วันนี้ขอให้เราดูแลตัวเองในทางของพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงดูแลเราเช่นเดียวกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. น้ำพระทัยพระเจ้าหมายถึงอะไรในบริบทของความไม่ราบรื่น?
น้ำพระทัยพระเจ้าในบริบทนี้หมายถึงแผนการอันสมบูรณ์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตเรา ซึ่งบางครั้งอาจรวมถึงการที่เราต้องเผชิญกับอุปสรรคและความยากลำบาก เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ เติบโต และพึ่งพาพระองค์มากขึ้น
2. ทำไมพระเจ้าจึงอนุญาตให้เราเจอความยากลำบาก ทั้งที่พระองค์รักเรา?
พระเจ้าทรงอนุญาตให้เราเจอความยากลำบาก เพื่อให้เราได้เรียนรู้ความถ่อมใจ พัฒนาอุปนิสัยที่ดี ได้รับประสบการณ์แห่งชัยชนะและการพึ่งพาพระองค์ รวมถึงเพื่อให้เราเข้าใจพระประสงค์ที่ลึกซึ้งกว่าของพระองค์ในชีวิตเรา
3. การที่ชีวิตไม่ราบรื่นหมายความว่าเรากำลังทำผิดน้ำพระทัยพระเจ้าหรือไม่?
การที่ชีวิตไม่ราบรื่นไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำผิดน้ำพระทัยพระเจ้าเสมอไป ดังเช่นชีวิตของดาวิด โมเสส หรือเปโตรที่แม้จะอยู่ในแผนการของพระเจ้า แต่ก็ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคและปัญหา
4. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปัญหาที่เราเจอคือน้ำพระทัยพระเจ้า?
เราจะรู้ได้เมื่อเรายังคงแสวงหาพระเจ้า ศึกษาพระคำ อธิษฐาน และตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยท่าทีที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์ แม้จะเจอปัญหา ก็ยังคงรักพระเจ้าและตั้งใจรับใช้พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง
5. "คาทาและธารพระกร" มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อย่างไร?
"คาทา" หมายถึงอำนาจ การปกป้อง และการต่อสู้ของพระเจ้าเพื่อเรา ส่วน "ธารพระกร" หมายถึงการทรงนำ การแก้ไข และการดูแลที่พระเจ้ามีให้เราเสมอในทุกสถานการณ์
6. เราควรทำอย่างไรเมื่อเผชิญกับปัญหาที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่?
สิ่งที่เราควรทำคือรักษาความสัตย์ซื่อในการเดินกับพระเจ้า รักษาความเชื่อ ความรัก และความตั้งใจในการรับใช้พระองค์ไว้ให้มั่นคง ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากเพียงใด
7. อะไรคือ "สิ่งที่ดีที่สุด" ที่เราควรทำในแต่ละวัน?
"สิ่งที่ดีที่สุด" คือการเดินกับพระเจ้าในแต่ละวันให้ดีที่สุด โดยการแสวงหาพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใด ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลปัญหาต่างๆ ในชีวิตของเรา
หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com
ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com