Connected successfully
โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ
ในโลกที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การรอคอยกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคริสเตียนในยุคปัจจุบัน ความเชื่อและการรอคอย เป็นสองสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก และเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตฝ่ายวิญญาณ
แม้แต่อับราฮัม ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งความเชื่อ" ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการรอคอยพระสัญญาของพระเจ้าเป็นเวลา 25 ปี การเดินทางของเขาสอนให้เราเห็นว่า การรอคอยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นกระบวนการที่พระเจ้าใช้ในการสร้างความเชื่อและความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณในเรา
ความเชื่อประเภทแรก คือความเชื่อที่เป็นพื้นฐานของการเป็นคริสเตียน ความเชื่อนี้เกิดขึ้นเมื่อเรายอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัว และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตฝ่ายวิญญาณ
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือเพื่อนของแดเนียลที่ยืนหยัดไม่ยอมไหว้รูปเคารพ แม้จะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟ ความเชื่อประเภทนี้ ช่วยให้เราไม่เปลี่ยนแปลงหลักการและไม่ประนีประนอมกับโลกในสิ่งที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า
อับราฮัมแสดงให้เห็นความเชื่อประเภทนี้เมื่อเขาเต็มใจจะถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา หรือการที่เขาออกเดินทางจากบ้านเกิดโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน การเชื่อฟังด้วยความเชื่อ คือการกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าแม้จะไม่เข้าใจเหตุผลทั้งหมด
นี่คือความเชื่อในการเดินกับพระเจ้าทุกวัน การมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและต่อเนื่องกับพระองค์ ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้น
ความเชื่อในยามทุกข์ยาก คือความมั่นใจว่าพระเจ้าจะช่วยเราผ่านพ้นไปได้ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีทางออก
คริสเตียนส่วนใหญ่รู้จักความเชื่อประเภทนี้เป็นอันดับแรก เพราะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้รับประสบการณ์กับพระเจ้าโดยตรง
บางครั้งเราอาจรู้สึกหมดแรง แต่จู่ๆ ก็มีความหวังและพลังขึ้นมา แม้สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง นี่คือของขวัญความเชื่อที่พระเจ้าประทานผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์
เมื่อเราเดินกับพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อและต่อเนื่อง ความเชื่อจะเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ เหมือนอับราฮัมที่มีความเชื่อมากขึ้นเมื่อเขาเดินกับพระเจ้ามากขึ้น
ตามที่พระคัมภีร์บอกว่า "ความเชื่อเกิดขึ้นจากการได้ยิน" การรับฟังและศึกษาพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งสำคัญของความเชื่อ
การรอคอยระยะยาวส่งผลกระทบต่อจิตใจ ความคิด และแม้กระทั่งร่างกาย หลายครั้งสร้างความเครียด ความกดดัน และความอับอาย เช่น การเห็นเพื่อนแต่งงานแล้วแต่เรายังโสด หรือเห็นเพื่อนประสบความสำเร็จแต่เรายังดิ้นรน
ความอดทนไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเติบโตในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ การเปลี่ยนแปลงความคิด และการรู้จักพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เด็กมักจะไม่อดทน แต่ผู้ใหญ่สามารถรอคอยได้ หากเราขาดความสามารถในการรอคอย แสดงว่าเราอาจยังต้องเติบโตในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
เมื่อเราไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการรอคอย เราจะมองมันเป็นปัญหาแทนที่จะเป็นของขวัญจากพระเจ้า ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้เราเห็นสิ่งดีที่เกิดขึ้นผ่านการรอคอย
ในชีวิตประจำวัน การรอคอยหมายถึงการอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไร รอให้เวลาผ่านไปจนถึงจังหวะที่เหมาะสม เช่น รออาหารสุก รอไฟเขียว รอเด็กเติบโตครบ 9 เดือน
คำว่า "รอคอย" (Wait) ในความหมายดั้งเดิมมาจากคำ "Watch" ที่แปลว่าการเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง เหมือนพนักงานเสิร์ฟที่เฝ้ามองลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการ
การรอคอยพระเจ้าจึงไม่ใช่การนิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไร แต่เป็นการเตรียมตัวและเฝ้าระวังเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระองค์เมื่อถึงเวลา
เปรียบเทียบการรอคอยกับการตั้งครรภ์ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะอธิษฐานขอให้ลูกคลอดออกมาใน 5 เดือน เพราะรู้ว่าเด็กจะไม่สมบูรณ์ ต้องรอให้ครบ 9 เดือนจึงจะได้เด็กที่มีอวัยวะครบถ้วน
พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน หลายครั้งคำอธิษฐานของเราก็เหมือนเด็กที่ยัง "ตั้งครรภ์" อยู่ยังไม่พร้อมที่จะ "คลอด" ออกมา หากพระเจ้าตอบก่อนเวลา เราอาจได้สิ่งที่ไม่สมบูรณ์และกลายเป็นภาระแทน
การรอคอยจึงเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้เพื่อให้เราได้รับพระพรที่สมบูรณ์แบบในเวลาที่เหมาะสม
ความอดทนที่แท้จริงไม่ใช่การเก็บกดหรือการทนทานจนกำลังจะระเบิด แต่เป็นความสามารถในการ:
การรู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยจะช่วยให้เราปรับทัศนคติและเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม
แทนที่จะมองการรอคอยเป็นปัญหา ให้มองเป็น:
เริ่มจากการฝึกอดทนในเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การรอคิวอย่างสงบ การไม่โมโหเมื่อรถติด การฟังคนอื่นจนจบก่อนตอบ
การรอคอยช่วยสร้าง:
ระหว่างรอคอย พระเจ้าเตรียมเราให้พร้อมรับพระพร เหมือนการเตรียมภาชนะให้แข็งแรงพอที่จะรองรับสิ่งที่จะเทลงไป
เมื่อเราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เราจะเรียนรู้การวางใจและพึ่งพาพระเจ้าอย่างแท้จริง
อย่าปฏิเสธความรู้สึกผิดหวัง โกรธ หรือเศร้า แต่นำมาสู่พระเจ้าผ่านการอธิษฐาน
ไม่ต้องผ่านการรอคอยคนเดียว หาเพื่อนร่วมความเชื่อที่สามารถให้กำลังใจและเข้าใจสถานการณ์
แทนที่จะกังวลเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ให้เน้นไปที่การเติบโตและการเตรียมตัวให้พร้อม
หาสิ่งที่สามารถขอบคุณได้ในทุกสถานการณ์ แม้ระหว่างรอคอย
การรอคอยช่วยสร้างความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ สอนให้เราพึ่งพาพระองค์ และเตรียมเราให้พร้อมรับพระพรที่สมบูรณ์แบบ พระเจ้าต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เรา ไม่ใช่สิ่งที่รีบเร่ง
ดูจากการที่คำอธิษฐานเรานั้นสอดคล้องกับพระคัมภีร์หรือไม่ และสร้างความรักความดีหรือไม่ หากใช่ แสดงว่าเราอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง
เตรียมตัวให้พร้อม เติบโตในความเชื่อ ศึกษาพระคัมภีร์ อธิษฐาน รับใช้ผู้อื่น และทำหน้าที่ที่พระเจ้าวางไว้ต่อหน้าเรา
ตรวจสอบใจและแรงจูงใจของเรา อาจขอคำแนะนำจากผู้นำฝ่ายวิญญาณ และจำไว้ว่าเวลาของพระเจ้าสมบูรณ์แบบ บางครั้งการ "ไม่ตอบ" ก็เป็นคำตอบหนึ่ง
การรอคอยไม่ได้หมายถึงการนิ่งเฉย แต่เป็นการเตรียมตัวและรอเวลาของพระเจ้า ขณะที่การหาทางออกด้วยตัวเองมักจะรีบเร่งและอาจไม่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า
ใช้การเปรียบเทียบที่เด็กเข้าใจได้ เช่น การรออาหารสุก การรอเติบโต การรอวันเกิด และสอนผ่านแบบอย่างของเราเอง
ทุกประเภทสำคัญในระยะต่างๆ ของชีวิต แต่ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอดเป็นพื้นฐาน ส่วนประเภทอื่นๆ จะช่วยให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า
ความเชื่อและการรอคอยเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกันในชีวิตคริสเตียน ความเชื่อให้พลังในการรอคอย และการรอคอยสร้างความเชื่อให้แข็งแกร่งขึ้น
การรอคอยไม่ใช่การลงโทษจากพระเจ้า แต่เป็นของขวัญที่ช่วยให้เราเติบโตและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ดีกว่าที่เราขอ เหมือนพ่อแม่ที่รอให้ลูกในท้องเติบโตครบ 9 เดือนเพื่อได้เด็กที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเราเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการรอคอย เราจะสามารถรอคอยด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความกดดันหรือความเครียด เราจะเห็นว่าพระเจ้าเป็นเหมือนพนักงานเสิร์ฟที่เฝ้าดูโต๊ะของเราและจะมาตอบสนองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
วันนี้ ขอให้คุณถามตัวเองว่า:
จงจำไว้ว่า "การรอคอยพระเจ้าไม่เคยสูญเปล่า" พระองค์กำลังเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้คุณ เหมือนที่ท่านเตรียมอาหารอร่อยที่สุดไว้ให้แขกคนสำคัญ
หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com
ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com
เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com