Connected successfully คำเทศนาออนไลน์ ความเชื่อและการรอคอย part 3 - ฟังคำเทศนาคริสเตียนย้อนหลัง
พระเจ้ามีจริงหรือ โลกที่เราอยู่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือมีผู้สร้าง
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   
Home > คำเทศนาออนไลน์ > ปี 2568 > ความเชื่อและการรอคอย part 3

คำเทศนา - ความเชื่อและการรอคอย part 3

คำเทศนาประจำวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568

โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ




สรุปคำเทศนา - ความเชื่อและการรอคอย part 3


ในโลกที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การรอคอยกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคริสเตียนในยุคปัจจุบัน ความเชื่อและการรอคอย เป็นสองสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก และเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตฝ่ายวิญญาณ


แม้แต่อับราฮัม ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งความเชื่อ" ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการรอคอยพระสัญญาของพระเจ้าเป็นเวลา 25 ปี การเดินทางของเขาสอนให้เราเห็นว่า การรอคอยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นกระบวนการที่พระเจ้าใช้ในการสร้างความเชื่อและความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณในเรา


ความเชื่อ 6 ประเภทที่คริสเตียนควรรู้

1. ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอด

ความเชื่อประเภทแรก คือความเชื่อที่เป็นพื้นฐานของการเป็นคริสเตียน ความเชื่อนี้เกิดขึ้นเมื่อเรายอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัว และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตฝ่ายวิญญาณ


2. ความเชื่อที่ทำให้ยืนหยัดมั่นคง

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือเพื่อนของแดเนียลที่ยืนหยัดไม่ยอมไหว้รูปเคารพ แม้จะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟ ความเชื่อประเภทนี้ ช่วยให้เราไม่เปลี่ยนแปลงหลักการและไม่ประนีประนอมกับโลกในสิ่งที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า


3. ความเชื่อในการเชื่อฟังพระเจ้า

อับราฮัมแสดงให้เห็นความเชื่อประเภทนี้เมื่อเขาเต็มใจจะถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา หรือการที่เขาออกเดินทางจากบ้านเกิดโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน การเชื่อฟังด้วยความเชื่อ คือการกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าแม้จะไม่เข้าใจเหตุผลทั้งหมด


4. ความเชื่อในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า

นี่คือความเชื่อในการเดินกับพระเจ้าทุกวัน การมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและต่อเนื่องกับพระองค์ ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้น


5. ความเชื่อในการเผชิญปัญหา

ความเชื่อในยามทุกข์ยาก คือความมั่นใจว่าพระเจ้าจะช่วยเราผ่านพ้นไปได้ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีทางออก


6. ความเชื่อในการอธิษฐาน

คริสเตียนส่วนใหญ่รู้จักความเชื่อประเภทนี้เป็นอันดับแรก เพราะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้รับประสบการณ์กับพระเจ้าโดยตรง




3 แหล่งที่มาของความเชื่อ

1. ความเชื่อเป็นของขวัญจากพระเจ้า

บางครั้งเราอาจรู้สึกหมดแรง แต่จู่ๆ ก็มีความหวังและพลังขึ้นมา แม้สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง นี่คือของขวัญความเชื่อที่พระเจ้าประทานผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์


2. ความเชื่อที่เป็นผลจากการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า

เมื่อเราเดินกับพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อและต่อเนื่อง ความเชื่อจะเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ เหมือนอับราฮัมที่มีความเชื่อมากขึ้นเมื่อเขาเดินกับพระเจ้ามากขึ้น


3. ความเชื่อจากการได้ยินความจริง

ตามที่พระคัมภีร์บอกว่า "ความเชื่อเกิดขึ้นจากการได้ยิน" การรับฟังและศึกษาพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งสำคัญของความเชื่อ




ทำไมการรอคอยจึงเป็นเรื่องยาก: 3 เหตุผลหลัก

1. การรอคอยทำให้จิตใจเป็นทุกข์

การรอคอยระยะยาวส่งผลกระทบต่อจิตใจ ความคิด และแม้กระทั่งร่างกาย หลายครั้งสร้างความเครียด ความกดดัน และความอับอาย เช่น การเห็นเพื่อนแต่งงานแล้วแต่เรายังโสด หรือเห็นเพื่อนประสบความสำเร็จแต่เรายังดิ้นรน


2. ความสามารถในการรอคอยเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้ใหญ่

ความอดทนไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเติบโตในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ การเปลี่ยนแปลงความคิด และการรู้จักพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น


เด็กมักจะไม่อดทน แต่ผู้ใหญ่สามารถรอคอยได้ หากเราขาดความสามารถในการรอคอย แสดงว่าเราอาจยังต้องเติบโตในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ


3. การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรอคอย

เมื่อเราไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการรอคอย เราจะมองมันเป็นปัญหาแทนที่จะเป็นของขวัญจากพระเจ้า ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้เราเห็นสิ่งดีที่เกิดขึ้นผ่านการรอคอย




ความหมายที่แท้จริงของการรอคอย

ความหมายแบบทั่วไป: การอยู่นิ่งและรอเวลา

ในชีวิตประจำวัน การรอคอยหมายถึงการอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไร รอให้เวลาผ่านไปจนถึงจังหวะที่เหมาะสม เช่น รออาหารสุก รอไฟเขียว รอเด็กเติบโตครบ 9 เดือน


ความหมายที่ลึกซึ้ง: การเป็นผู้รับใช้ที่เฝ้าระวัง

คำว่า "รอคอย" (Wait) ในความหมายดั้งเดิมมาจากคำ "Watch" ที่แปลว่าการเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง เหมือนพนักงานเสิร์ฟที่เฝ้ามองลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการ


การรอคอยพระเจ้าจึงไม่ใช่การนิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไร แต่เป็นการเตรียมตัวและเฝ้าระวังเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระองค์เมื่อถึงเวลา




การรอคอยในมุมมองของพระเจ้า: บทเรียนจากการตั้งครรภ์

เปรียบเทียบการรอคอยกับการตั้งครรภ์ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะอธิษฐานขอให้ลูกคลอดออกมาใน 5 เดือน เพราะรู้ว่าเด็กจะไม่สมบูรณ์ ต้องรอให้ครบ 9 เดือนจึงจะได้เด็กที่มีอวัยวะครบถ้วน


พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน หลายครั้งคำอธิษฐานของเราก็เหมือนเด็กที่ยัง "ตั้งครรภ์" อยู่ยังไม่พร้อมที่จะ "คลอด" ออกมา หากพระเจ้าตอบก่อนเวลา เราอาจได้สิ่งที่ไม่สมบูรณ์และกลายเป็นภาระแทน


การรอคอยจึงเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้เพื่อให้เราได้รับพระพรที่สมบูรณ์แบบในเวลาที่เหมาะสม




ความอดทนที่แท้จริง: มากกว่าการทนทาน

ความอดทนที่แท้จริงไม่ใช่การเก็บกดหรือการทนทานจนกำลังจะระเบิด แต่เป็นความสามารถในการ:


  • ทำให้ใจและความคิดสงบลงท่ามกลางปัญหา
  • มองสิ่งต่างๆ ด้วยความเข้าใจและสติปัญญา
  • มองสถานการณ์ในมุมมองของพระเจ้า
  • ตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ อย่างถูกต้องในช่วงเวลาแห่งการรอคอย



แนวทางปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างความเชื่อและความอดทน

1. เข้าใจว่าตัวเองอยู่ในฤดูกาลแห่งการรอคอยหรือไม่

การรู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยจะช่วยให้เราปรับทัศนคติและเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม


2. พัฒนาความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ

  • ศึกษาพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ
  • อธิษฐานและสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า
  • เรียนรู้จากประสบการณ์ของบุคคลในพระคัมภีร์
  • ขอคำแนะนำจากผู้นำฝ่ายวิญญาณ

3. เปลี่ยนมุมมองต่อการรอคอย

แทนที่จะมองการรอคอยเป็นปัญหา ให้มองเป็น:


  • โอกาสในการเติบโต
  • เวลาที่พระเจ้าใช้เตรียมเรา
  • กระบวนการสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา

4. ฝึกฝนความอดทนในเรื่องเล็กๆ

เริ่มจากการฝึกอดทนในเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การรอคิวอย่างสงบ การไม่โมโหเมื่อรถติด การฟังคนอื่นจนจบก่อนตอบ




ประโยชน์ของการรอคอยที่หลายคนมองข้าม

1. การสร้างลักษณะนิสัยที่ดี

การรอคอยช่วยสร้าง:


  • ความอดทนที่แข็งแกร่ง
  • ความไว้วางใจในพระเจ้า
  • ความสงบเสงี่ยมในการตัดสินใจ
  • ความถ่อมใจและการพึ่งพาพระเจ้า

2. การเตรียมความพร้อมสำหรับพระพร

ระหว่างรอคอย พระเจ้าเตรียมเราให้พร้อมรับพระพร เหมือนการเตรียมภาชนะให้แข็งแรงพอที่จะรองรับสิ่งที่จะเทลงไป


3. การเรียนรู้การพึ่งพาพระเจ้า

เมื่อเราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เราจะเรียนรู้การวางใจและพึ่งพาพระเจ้าอย่างแท้จริง




กรณีศึกษา: อับราฮัมและการรอคอย 25 ปี

ไทม์ไลน์ของการรอคอย

  • อายุ 75 ปี: ได้รับพระสัญญาจากพระเจ้า
  • อายุ 85 ปี: รอไม่ไหว หันไปหาทางแก้ไขด้วยตนเอง
  • อายุ 86 ปี: อิชมาเอลเกิด (ผ่านนางฮาการ์)
  • อายุ 99 ปี: พระเจ้ายืนยันพระสัญญาอีกครั้ง
  • อายุ 100 ปี: อิสอัคเกิด (ผ่านนางซาราห์)



บทเรียนจากอับราฮัม

  • การรอคอยเป็นเรื่องยากแม้สำหรับคนที่มีความเชื่อมาก
  • การหาทางลัดอาจสร้างปัญหาตามมา (อิชมาเอล vs อิสอัค)
  • พระเจ้ามักให้พระสัญญาที่ต้องใช้เวลานานกว่าที่เราคิด
  • ผลลัพธ์สุดท้ายคุ้มค่ากับการรอคอย



การจัดการความรู้สึกในช่วงการรอคอย

1. ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

อย่าปฏิเสธความรู้สึกผิดหวัง โกรธ หรือเศร้า แต่นำมาสู่พระเจ้าผ่านการอธิษฐาน


2. หาชุมชนที่เข้าใจ

ไม่ต้องผ่านการรอคอยคนเดียว หาเพื่อนร่วมความเชื่อที่สามารถให้กำลังใจและเข้าใจสถานการณ์


3. มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ควบคุมได้

แทนที่จะกังวลเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ให้เน้นไปที่การเติบโตและการเตรียมตัวให้พร้อม


4. ฝึกการขอบคุณ

หาสิ่งที่สามารถขอบคุณได้ในทุกสถานการณ์ แม้ระหว่างรอคอย




FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความเชื่อและการรอคอย

1. ทำไมพระเจ้าให้เรารอคอยแทนที่จะตอบทันที?

การรอคอยช่วยสร้างความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ สอนให้เราพึ่งพาพระองค์ และเตรียมเราให้พร้อมรับพระพรที่สมบูรณ์แบบ พระเจ้าต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เรา ไม่ใช่สิ่งที่รีบเร่ง


2. จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังรอคอยในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้?

ดูจากการที่คำอธิษฐานเรานั้นสอดคล้องกับพระคัมภีร์หรือไม่ และสร้างความรักความดีหรือไม่ หากใช่ แสดงว่าเราอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง


3. ระหว่างรอคอยควรทำอะไรบ้าง?

เตรียมตัวให้พร้อม เติบโตในความเชื่อ ศึกษาพระคัมภีร์ อธิษฐาน รับใช้ผู้อื่น และทำหน้าที่ที่พระเจ้าวางไว้ต่อหน้าเรา


4. ถ้ารอคอยนานแล้วแต่ไม่เห็นคำตอบ ควรทำอย่างไร?

ตรวจสอบใจและแรงจูงใจของเรา อาจขอคำแนะนำจากผู้นำฝ่ายวิญญาณ และจำไว้ว่าเวลาของพระเจ้าสมบูรณ์แบบ บางครั้งการ "ไม่ตอบ" ก็เป็นคำตอบหนึ่ง


5. การรอคอยกับการหาทางออกด้วยตัวเองต่างกันอย่างไร?

การรอคอยไม่ได้หมายถึงการนิ่งเฉย แต่เป็นการเตรียมตัวและรอเวลาของพระเจ้า ขณะที่การหาทางออกด้วยตัวเองมักจะรีบเร่งและอาจไม่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า


6. เด็กๆ จะเข้าใจเรื่องการรอคอยได้อย่างไร?

ใช้การเปรียบเทียบที่เด็กเข้าใจได้ เช่น การรออาหารสุก การรอเติบโต การรอวันเกิด และสอนผ่านแบบอย่างของเราเอง


7. ความเชื่อประเภทไหนสำคัญที่สุด?

ทุกประเภทสำคัญในระยะต่างๆ ของชีวิต แต่ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอดเป็นพื้นฐาน ส่วนประเภทอื่นๆ จะช่วยให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า




สรุป: การเดินทางของความเชื่อและการรอคอย

ความเชื่อและการรอคอยเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกันในชีวิตคริสเตียน ความเชื่อให้พลังในการรอคอย และการรอคอยสร้างความเชื่อให้แข็งแกร่งขึ้น


การรอคอยไม่ใช่การลงโทษจากพระเจ้า แต่เป็นของขวัญที่ช่วยให้เราเติบโตและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ดีกว่าที่เราขอ เหมือนพ่อแม่ที่รอให้ลูกในท้องเติบโตครบ 9 เดือนเพื่อได้เด็กที่สมบูรณ์แบบ


เมื่อเราเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการรอคอย เราจะสามารถรอคอยด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความกดดันหรือความเครียด เราจะเห็นว่าพระเจ้าเป็นเหมือนพนักงานเสิร์ฟที่เฝ้าดูโต๊ะของเราและจะมาตอบสนองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม




เรียกร้องการกระทำ (Call-to-Action)

วันนี้ ขอให้คุณถามตัวเองว่า:

  • คุณกำลังรอคอยอะไรจากพระเจ้าอยู่?
  • คุณมองการรอคอยนั้นเป็นปัญหาหรือเป็นโอกาส?
  • ความเชื่อประเภทไหนที่คุณต้องการเสริมสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น?

จงจำไว้ว่า "การรอคอยพระเจ้าไม่เคยสูญเปล่า" พระองค์กำลังเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้คุณ เหมือนที่ท่านเตรียมอาหารอร่อยที่สุดไว้ให้แขกคนสำคัญ



หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com

 

ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com

 



 

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com