คำเทศนา - การให้ ตอนที่ 3
คำเทศนาประจำวันที่ 27 กรกฎาคม 2568โดย ดร. จิโรจ บงกชมาศ
มัทธิว 6:19-21
สรุปคำเทศนา - การให้ ตอนที่ 3
บทนำ: ความสุขที่มาจากการเป็นผู้ให้
เช้าวันนี้เราจะเจาะลึกถึงหลักการอันล้ำค่าจากพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นแนวคิดที่มักจะ "ทวนกระแสโลก" โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ เราได้เรียนรู้ไปแล้วสองครั้งก่อนหน้านี้ว่า การให้คือแหล่งที่มาของความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่าการรับ ดังที่พระเยซูได้ตรัสไว้ในกิจการ บทที่ 20 ข้อ 35 ว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขมากยิ่งกว่าการรับ" คำสอนนี้ไม่ใช่แค่เพียงหลักการทางศีลธรรม แต่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราได้สัมผัสกับพระพรและประสบการณ์อันล้ำค่าจากพระเจ้า ซึ่งแตกต่างจากโลกที่สอนให้เราแสวงหาการรับและครอบครองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
นอกเหนือจากความสุขที่ยิ่งใหญ่แล้ว การให้ยังสะท้อนถึงสิ่งที่เราได้รับมาอย่างเปล่าๆ โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน ดังที่พระเยซูได้สอนสาวกในมัทธิว บทที่ 10 ข้อ 8 ว่า "ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ จงให้เปล่า" ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความสามารถ หรือพระพรใดๆ ที่เรามีล้วนมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงหนุนใจให้เราเป็นพระพรแก่ผู้อื่นโดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทนจากมนุษย์ เพราะการพึ่งพิงในพระเจ้าต่างหากที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง
1. การให้ที่สะท้อนจากภายใน: ทรัพย์สมบัติอยู่ที่ไหนใจก็อยู่ที่นั่น
ในฐานะคริสเตียน การให้ไม่ใช่แค่การกระทำภายนอก แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสภาพจิตใจที่แท้จริงของเรา พระเยซูตรัสในมัทธิว บทที่ 6 ข้อ 19-20 ว่า "อย่าสั่งสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวเองในโลก... แต่จงสั่งสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์" ซึ่งเป็นที่ที่ไม่มีสิ่งใดมาทำลายได้ เพราะ "ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย"
คำสอนนี้ชี้ให้เห็นว่าการให้เงินถวายหรือช่วยเหลือผู้อื่นไม่ใช่เพียงการลดทอนทรัพย์สินของเรา แต่เป็นการย้าย "ทรัพย์สิน" และ "ใจ" ของเราไปไว้ในสวรรค์ เมื่อใจของเราอยู่กับพระเจ้าและในสวรรค์ เราจะเกิดความปรารถนาที่จะเป็นพระพรแก่ผู้อื่นและต่อคริสตจักร เพราะนั่นคือการลงทุนในสิ่งที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ ในทางตรงกันข้าม คนมากมายหลงทางไปจากพระเจ้าเพราะความกังวลในเรื่องการเงินและทรัพย์สมบัติ การที่พวกเขาไม่เข้าใจหลักการของการใช้เงินตามแบบพระคัมภีร์ส่งผลให้พวกเขาพลาดโอกาสในการเติบโตฝ่ายวิญญาณและรับบำเหน็จในสวรรค์
การให้ตามหลักพระคัมภีร์ จึงเป็นตัวชี้วัดที่ทรงพลังที่สุดว่าหัวใจของเรานั้นอยู่ที่ใดอย่างแท้จริง
2. มุมมองของอัครทูตเปาโล: การให้ที่มาจากความเชื่อและการตัดสินใจ
แม้พระเยซูจะทรงสอนเรื่องการให้มากมาย แต่อัครทูตเปาโลก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังที่เราเห็นใน 2 โครินธ์ บทที่ 8 เปาโลได้หนุนใจผู้เชื่อชาวโครินธ์ให้ถวายเงินไปช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสนในเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งอาจประสบปัญหาเศรษฐกิจหรือการกันดารอาหาร
ในจดหมายฉบับแรกที่เปาโลเขียนถึงชาวโครินธ์ (1 โครินธ์ 16:1-4) เขาได้สั่งให้ผู้เชื่อแต่ละคริสตจักร "เก็บเงินผลประโยชน์ที่ได้รับไว้บ้าง" ในทุกวันต้นสัปดาห์เพื่อการนี้ แต่เมื่อมาถึงจดหมายฉบับที่สอง (2 โครินธ์) ดูเหมือนว่าพี่น้องชาวโครินธ์ยังไม่ได้ทำตามที่เปาโลสั่ง เปาโลจึงต้องเปรียบเทียบพวกเขาเข้ากับผู้เชื่อในแคว้นมาซิโดเนียที่น่าชื่นชม
บทเรียนจากคริสตจักรมาซิโดเนีย: การให้ที่เกินกำลัง
เปาโลกล่าวถึงผู้เชื่อในมาซิโดเนียที่ถึงแม้จะ "ถูกทดลองอย่างหนักได้รับความทุกข์ยาก...และความลำบากยากจนอย่างที่สุด" แต่กลับ "ถวายโดยสุดกำลังความสามารถของเขา ที่จริงก็เกินความสามารถของเขาอีก" (2 โครินธ์ 8:2-3) พวกเขาไม่ได้ให้เพราะความเหลือเฟือ แต่ให้เพราะความเชื่อและความรักที่มาจากการมอบตัวเองแด่พระเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก การให้ของพวกเขาไม่ใช่แค่การกระทำ แต่เป็นการแสดงออกถึง ความเชื่อใจอย่างเต็มที่ในพระเจ้า
การกระทำที่เกินความสามารถของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เปาโลยกย่องและชี้ให้เห็นถึงความจริงว่า การให้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เรามี แต่ขึ้นอยู่กับหัวใจของเราต่างหาก
3. ความเข้าใจผิดเรื่องการให้: ให้ด้วยใจยินดีหรือทำด้วยการฝืนใจ?
เราอาจคุ้นเคยกับคำสอนของเปาโลที่ว่า "พระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี" (2 โครินธ์ 9:7) ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าการให้ที่ดีควรมาจากความเต็มใจเท่านั้น แต่ในสถานการณ์ของชาวโครินธ์ เปาโลกลับดูเหมือนจะ "สั่ง" ให้พวกเขาให้ เปาโลไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้พวกเขาให้ แต่เขาพยายามชี้ให้เห็นว่าบางครั้งการให้ก็เป็นการตัดสินใจทำในสิ่งที่เราควรจะทำ แม้ใจเราอาจจะยังไม่พร้อมก็ตาม
- ความไม่พร้อม: ข้ออ้างหรือความจริง? หลายครั้งเราอาจรู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมที่จะให้ เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย หรือกลัวว่าจะขาดแคลนในอนาคต
- การตัดสินใจ: ก้าวแห่งความเชื่อ การตัดสินใจให้ในขณะที่เรายังไม่พร้อมคือการก้าวออกไปด้วยความเชื่อ เป็นการบอกกับพระเจ้าว่าเราวางใจในพระองค์ว่าจะทรงเลี้ยงดูเรา
- ความยินดีที่ตามมา เมื่อเราตัดสินใจก้าวออกไปด้วยความเชื่อ ความยินดีและความเต็มใจจะตามมาในภายหลัง เพราะเราได้สัมผัสกับพระพรที่มาจากการเชื่อฟังและการเป็นผู้ให้ที่แท้จริง
เปาโลไม่ได้อยากให้ชาวโครินธ์ให้ด้วยความเสียดายหรือการฝืนใจ แต่เขาต้องการให้พวกเขาตัดสินใจที่จะเชื่อฟัง เพื่อที่จะได้สัมผัสกับพระคุณและพระพรของพระเจ้าที่มาจากการให้
4. ผู้ที่เก็บได้มากไม่มีเหลือ ผู้ที่เก็บได้น้อยก็ไม่ขาด
เปาโลสรุปหลักการของการให้ใน 2 โครินธ์ 8:15 โดยอ้างอิงจากเรื่องราวในพระคัมภีร์เดิมว่า "คนที่เก็บได้มากนั้นจะไม่มีเหลือ ส่วนที่คนเก็บน้อยก็จะไม่ขาด" คำกล่าวนี้ชี้ให้เห็นถึงหลักการของ การแบ่งปัน และ การพึ่งพิงในพระเจ้า
พระเจ้าไม่ได้ให้เรามีมากมายเพื่อจะเก็บไว้ใช้เองทั้งหมด แต่ให้เรามีเพื่อที่จะเป็นพระพรแก่ผู้อื่น เมื่อเราแบ่งปันสิ่งที่พระเจ้าให้มา เราจะพบว่าเราไม่เคยขาดแคลนในสิ่งที่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
การให้ตามแบบอย่างของพระคริสต์และคำสอนของอัครทูตเปาโลจึงไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แต่เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อ ความไว้วางใจ และการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากกระแสโลกที่มุ่งเน้นการสะสมทรัพย์สินและความมั่งคั่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้สมกับการเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม และเป็นผู้ให้ที่เต็มไปด้วยความรัก?
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- การให้ตามหลักพระคัมภีร์คืออะไร? การให้ตามหลักพระคัมภีร์คือการให้ที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องเงินทอง แต่เป็นการให้ที่มาจากความรัก ความเชื่อ และความเต็มใจที่จะแบ่งปันสิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้า เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์และเป็นพระพรแก่ผู้อื่น
- การให้ทำให้มีความสุขมากยิ่งกว่าการรับจริงหรือ? พระคัมภีร์สอนว่าการให้เป็นแหล่งที่มาของความสุขที่แท้จริง เพราะเมื่อเราเป็นผู้ให้ เราได้สัมผัสกับพระพรและพระคุณของพระเจ้าในรูปแบบที่แตกต่างจากการเป็นผู้รับ และเป็นการแสดงออกถึงความรักของเราต่อผู้อื่น
- ถ้าการให้ควรมาจากใจยินดี ทำไมบางครั้งเปาโลจึงดูเหมือนสั่งให้ผู้เชื่อถวาย? เปาโลไม่ได้บังคับ แต่เขาหนุนใจให้ผู้เชื่อตัดสินใจที่จะเชื่อฟังและทำในสิ่งที่ดี แม้ในขณะที่ใจอาจจะยังไม่พร้อม เพราะเขาเชื่อว่าความยินดีจะตามมาเมื่อเราก้าวออกไปด้วยความเชื่อ
- "ทรัพย์สมบัติอยู่ที่ไหน ใจก็อยู่ที่นั่น" หมายความว่าอย่างไร? คำกล่าวนี้หมายความว่า การให้ของเราสะท้อนให้เห็นว่าหัวใจของเราอยู่ที่ใด หากเราให้เพื่อพระเจ้าและเพื่อผู้อื่น หัวใจของเราจะยึดติดอยู่กับสิ่งนิรันดร์ แต่หากเรายึดติดกับทรัพย์สินในโลกนี้ หัวใจของเราก็จะห่างไกลจากพระเจ้า
- ทำไมพระคัมภีร์ถึงให้ความสำคัญกับเรื่องการเงินมาก? พระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับเรื่องการเงินเพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสภาพจิตใจของเรา และเป็นเรื่องที่ผู้คนมากมายต้องต่อสู้ในชีวิต การเข้าใจหลักการใช้เงินตามพระคัมภีร์ช่วยให้เราเติบโตในความเชื่อและไม่หลงไปจากทางของพระเจ้า
- อะไรคือบทเรียนสำคัญที่ได้จากเรื่องราวของชาวมาซิโดเนีย? บทเรียนสำคัญคือ การให้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เรามี แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความเต็มใจที่จะให้ แม้ในยามที่เราขัดสนมากที่สุดก็ตาม การให้ของพวกเขามาจากใจที่มอบถวายแด่พระเจ้าแล้วอย่างสิ้นเชิง
บทสรุปและคำเชิญชวน
การให้ตามหลักพระคัมภีร์ คือหัวใจสำคัญของชีวิตคริสเตียนที่เติบโตและอิ่มเอมใจอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การทำตามกฎเกณฑ์ แต่เป็นการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ บทเรียนจากพระเยซูและอัครทูตเปาโลได้สอนเราว่า การให้ที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนที่เรามี แต่มาจากความเชื่อที่ว่า "ทุกสิ่งมาจากพระเจ้า" และความปรารถนาที่จะเป็นพระพรแก่ผู้อื่นเสมอ
เราขอหนุนใจให้คุณลองทบทวนชีวิตและมุมมองต่อการให้ของคุณในวันนี้ คุณกำลังยึดติดกับทรัพย์สินในโลกนี้อยู่หรือไม่? หรือคุณพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ที่เต็มไปด้วยความเชื่อและได้สัมผัสกับความสุขที่มาจากการถวายเกียรติแด่พระเจ้า?
หากคุณกำลังมองหาบทเรียนชีวิตจากพระคัมภีร์ หรืออยากเข้าใจตัวเองและพระเจ้ามากขึ้น ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่ https://www.siamchristian.com
ถ้าหากสนใจอยากรู้เรื่องราวของการเป็นคริสเตียน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน หรือถ้าหากมีคำถามก็สามารถเมลมาสอบถามได้ที่ christiansiam@gmail.com