พระเยซูคือใคร พระเจ้ามีจริงหรือ อยากรู้จักพระเจ้า เรามีคำตอบ
ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
1 โครินธ์ 13:13
Facebook Page   

เพราะว่าพระเจ้ารักคุณ

โดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์

ความรักอยู่ล้อมรอบตัวเราตั้งแต่วันที่เราเกิดจนถึงวันที่เราจากโลกนี้ไป เราเกิดมาจากความรักของคนสองคน และเมื่อเราจากไป ก็ยังคงมีคนที่รักและคิดถึงเรา อาจจะมีบ้างที่บางคนไม่ได้เกิดมาเพราะความรัก บางคนจากไปก็ไม่มีคนระลึกถึง แต่อย่างไรก็ตามทุกคนบนโลกนี้มีคน ๆ หนึ่งที่รักเรามาก มากจนกระทั่งยอมสละลูกของตัวเองให้ตายแทนเรา เพื่อเราจะได้มีชีวิต แม้ว่าเราจะไม่รู้จักคน ๆ นั้นก็ตาม แต่เขาก็ยังรักเราด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข คน ๆ นั้นก็คือ "พระเจ้า" นั่นเอง

บางคนบอกว่าเรื่องของพระเจ้าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล และ "ความเชื่อ" ก็เป็นเรื่องของความงมงาย หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จริงหรือ? พระเจ้าสร้างสมองให้มนุษย์เราอย่างดีเลิศ ไม่มีเรื่องใดที่เกินความพยายามและเกินความสามารถของมนุษย์ เรื่องของพระเจ้าก็เช่นเดียวกัน ตั้วแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีหลาย ๆ คนพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าพระเจ้ามีจริงไหม และสุดท้ายก็จบลงที่มีความเชื่อในพระเจ้า เพราะไม่สามารถหาหลักฐานมาหักล้างความจริงของพระองค์ได้

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังแสวงหาความหมายของชีวิต หรือคุณอาจจะเป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่าง และคิดว่าพระเจ้าไม่จำเป็นสำหรับชีวิตของคุณ แต่ความจริงก็คือความจริง พระเจ้ามีจริง และพระองค์มีกฎง่าย ๆ คือ ต้องมีชีวิตที่ไม่มีบาป ใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษ เพราะ "ค่าจ้างของความบาป นั่นก็คือความตาย" ความบาปแม้แต่เล็กน้อยก็ต้องชดใช้ที่บึงไฟนรก

ในสดุดี 34:8 บอกว่า "ขอเชิญชิมดูแล้วจะเห็นว่า พระเจ้าประเสริฐ" อย่าผ่านไปโดยไม่ได้ชิม เพราะพระองค์ทรงให้เราเปล่า ๆ โดยไม่คิดมูลค่าอะไร

 

ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องเป็นคริสเตียน ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องเชื่อในพระเจ้า ถ้าหากคุณมั่นใจว่าคุณไม่ได้ฝ่าฝืนกฏที่พระเจ้าต้้งไว้ แต่ถ้าหากคุณไม่มั่นใจ หากคุณกำลังแสวงหาความหมายของชีวิต พระเจ้าคือคำตอบ เพราะพระองค์คือผู้สร้างเรา พระองค์เพียงผู้เดียวที่สามารถบอกวัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงสร้างเรามาขึ้นมา และพระองค์ยังเป็นเจ้าของสวรรค์ ที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันจะไปอยู่ แต่หากเราต้องการจะอยู่บ้านของพระองค์ เราก็ต้องทำความรู้จักเจ้าของบ้านก่อน

 

ไม่เกินความพยายามที่มนุษย์จะพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ เรื่องราวในพระคัมภีร์เป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวง

อย่างไรก็ตาม หากเราลองพิจารณาให้ดีจะพบว่าทุก ๆ คนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่เชื่อในบางสิ่งบางอย่าง บางคนเชื่อในศาสนา บางคนเชื่อในพระเจ้า บางคนเชื่อมั่นในตัวเอง และแม้แต่คนที่บอกว่าตนไม่เชื่ออะไรเลย ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ไม่เชื่อว่ามีชีวิตหลังความตาย แท้จริงแล้วนั่นก็คือความเชื่อของเขา คือเลือกที่จะไม่เชื่อในสิ่งใดนั่นเอง

ในชีวิตประจำวันของเรานั้น เราต้องเผชิญกับสถานการณ์หลาย ๆ ที่ต้องใช้ความเชื่อแบบที่เราไม่รู้ตัว เช่น เมื่อไฟเขียว เราขับรถออกไปโดยไม่รีรอ นั่นก็เพราะเราเชื่อว่าอีกฝั่งต้องหยุดเพราะเป็นไฟแดง เมื่อเข้าไปในลิฟท์ เรากดปุ่มชั้นที่ต้องการไป เราก็เชื่อว่ามันจะพาเราไปชั้นนั้น ๆ เมื่อขึ้นรถเมล์ เราก็เชื่อว่ามันจะพาเราไปยังจุดหมายปลายทางที่เราซื้อตั๋วเอาไว้ เป็นต้น

การที่เราเชื่อในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ก็เพราะว่าเราได้พิสูจน์มาแล้วว่ามันเป็นจริง ไฟแดงต้องหยุด ไฟเขียวต้องไป แต่ก็มีบางคนที่ฝ่าฝืนกฎเหล่านั้น ซึ่งผลก็คือต้องถูกลงโทษ เช่นเดียวกัน เรื่องของพระเจ้าก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง ถ้าฝ่าฝืนกฎก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งมีกฎง่าย ๆ คือ ต้องมีชีวิตที่ไม่มีบาป ใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษ เพราะ "ค่าจ้างของความยาป นั่นก็คือความตาย"

 

ในเมื่อเราต้องใช้ความเชื่อในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา แล้วทำไมเมื่อมาถึงเรื่องของศาสนา เรามักคิดว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณา ถ้าหากเราลองเปลี่ยนมุมมองในเรื่องศาสนาดูใหม่ ถ้าหากเราพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เชื่อกันนั้นมีที่มาที่ไป มีกฏเกณฑ์

 

ค้นหาความจริง

เริ่มต้นการเป็นคริสเตียน

เกี่ยวกับเรา

เว็บสยามคริสเตียน (Siam Christian) เป็นเว็บส่วนบุคคลที่ไม่ขึ้นกับองค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซู คริสเตียน หรือคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศไทย หากท่านมีคำถามหรือมีข้อเสนอแนะอะไรก็สามารถอีเมลมาพูดคุยกับเราได้ที่ christiansiam@gmail.com